ฉีดไขมันใต้ตา
ฉีดไขมันใต้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เลือกแบบไหนดี ?
เป็นคำถามที่หลาย ๆ คนทักมาสอบถามหมอเป็นจำนวนมากครับ คนไข้มักมีความกังวลเกี่ยวกับใต้ตาคล้ำ มีร่องใต้ตา ถุงใต้ตา จะฉีดไขมันหน้าเด็ก หรือ ฉีดฟิลเลอร์ดี แบบไหนดีกว่ากัน แบบไหนที่เหมาะกับตัวเอง แต่ละวิธีอยู่ได้นานเท่าไหร่ ในบทความนี้ หมอจะมาแนะนำข้อดีแต่ละอย่าง รวมไปถึงข้อเสีย และข้อควรระวังที่ควรรู้ เพื่อจะได้ใช้ประกอบการตัดสินใจแก้ปัญหาใต้ตาลึก หน้าโทรม และเพิ่มความสดใสให้ใบหน้าครับ
สารบัญ
- ฉีดไขมันใต้ตา
- ฉีดไขมันใต้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ต่างกันอย่างไร ?
- ทำไมบางคนฉีดไขมันใต้ตาแล้วเป็นคลื่น ผิวไม่เรียบ
- ฉีดไขมันใต้ตา อันตรายหรือไม่ ?
- ฉีดไขมันใต้ตา ฟิลเลอร์ใต้ตา แบบไหนอยู่ได้นานกว่ากัน ?
- ฉีดไขมันใต้ตา บวมกี่วัน ?
- แก้ริ้วรอยใต้ตาด้วยฟิลเลอร์ปลอดภัยจริงหรือ ?
- รีวิวฉีดฟิลเลอร์ลดริ้วรอยใต้ตา ที่ V Square Clinic
ฉีดไขมันใต้ตา
การฉีดไขมัน (Lipofilling หรือ Fat Grafting) เป็นการใช้เซลล์ไขมันฉีดเข้าจุดต่าง ๆ บนใบหน้า เพื่อใช้ในการเติมเต็มให้ร่องใต้ตา ร่องแก้มเต็มขึ้น ร่องลึกดูตื้นขึ้น เพิ่ม volume ของหน้าผาก ขมับ คาง ปรับรูปหน้า รวมถึงฉีดบริเวณลำตัว เช่น ฉีดเพิ่มขนาดเต้านม ปรับทรงเต้านมได้ครับ
โดยไขมันที่นำมาฉีด ไม่ได้สังเคราะห์หรือเอาไขมันใครมาฉีดให้นะครับ จะเป็นการดูดไขมันส่วนเกินจากตัวคนไข้เอง เช่น ไขมันต้นขา หน้าท้อง สะโพก ซึ่งหมอจะเป็นผู้พิจารณาจุดที่จะดูดไขมัน จากนั้นใช้เครื่องดูดไขมันดูดออกมา ก่อนนำไปปั่นแยกด้วยเทคนิคพิเศษจนได้เซลล์ไขมันคุณภาพดี แล้วนำไปฉีดบริเวณที่ต้องการเติมเต็มครับ
การเติมไขมันหน้า สามารถใช้ทดแทนส่วนเนื้อที่ยุบตัวลงได้ แต่ไม่สามารถทดแทนส่วนกระดูกได้เนื่องจากในชั้นเยื่อหุ้มกระดูกมีเส้นเลือดมาเลี้ยงน้อย เซลล์ไขมันไม่สามารถอยู่รอดได้ และไขมันจะเป็นเนื้อนิ่ม ๆ ไม่สามารถทำหน้าที่ยกพยุงผิวหน้าได้ดีเท่ากระดูก
ดังนั้นหากเป็นการเติมร่องลึกใต้ตา ร่องลึกร่องแก้มที่เกิดจากกระดูกยุบตัว การเติมขมับตอบ หรือการเติมคาง จึงแนะนำให้แก้ปัญหาได้ด้วยการเติมด้วยฟิลเลอร์ โดยฟิลเลอร์จะมีรุ่นที่ใช้สำหรับยกหน้า มีความคงตัวสูง สามารถยกผิวได้เทียบเคียงกับกระดูก จะให้ผลที่เข้ารูป มีมิติมากกว่าครับ
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ : ฉีดฟิลเลอร์ filler คืออะไร ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?
ฉีดไขมันใต้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ต่างกันอย่างไร ?
ใต้ตา เป็นจุดที่มีความสำคัญต่อใบหน้าโดยรวม เพราะเป็นจุดที่สังเกตเห็นได้ง่าย หากเกิดรอยคล้ำ เกิดร่องลึกหรือถุงใต้ตา จะทำให้ดูแก่กว่าวัย หน้าโทรมไม่สดใส สาเหตุของการเกิดปัญหาเหล่านี้คือ เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น สภาพแวดล้อม แสงแดด มลพิษต่างๆ รวมถึงความเครียด ส่งผลให้เซลล์เสื่อมสภาพลงครับ
และอีกสาเหตุหนึ่งที่สำคัญคืออายุครับ เมื่อเราอายุมากขึ้นไขมันบริเวณใต้ตาจะเริ่มฝ่อตัวลง ทำให้เกิดร่องยุบบริเวณเบ้าตา และเกิดจากการยุบตัวของกระดูกบริเวณเบ้าตา ร่องน้ำตา ทำให้เห็นความหย่อนคล้อย เป็นร่องชัดเจนมากขึ้นครับ
ดังนั้น การแก้ปัญหาใต้ตา ต้องพิจารณาจากสาเหตุที่เกิดร่องใต้ตา และเลือกหัตถการที่เหมาะสม เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด การฉีดไขมันใต้ตาและการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นวิธีที่คลินิกเสริมความงามนิยมใช้เพื่อเติมเต็มร่องใต้ตา โดยมีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกัน โดยอธิบายได้ดังนี้ครับ
การฉีดไขมันใต้ตา
ข้อดีของการฉีดไขมัน
- โอกาสแพ้น้อยมาก เนื่องจากใช้ไขมันของตนเองในการเติม แต่มีรายงานการแพ้ได้ในคนไข้บางราย
- ราคาไม่แพง โดยถ้าเทียบกับการฉีดฟิลเลอร์ ปริมาณ cc ที่ได้จากการฉีดไขมันจะได้มากกว่าและราคาถูกกว่า
- บางรายผลที่ได้จะคงอยู่ถาวร แต่ปัจจุบัน 70% ล้มเหลวในการปลูกไขมัน เนื่องจากไขมันเป็นเซลล์ที่ต้องการเส้นเลือดมาเลี้ยง หากเติมไขมันมาก ๆ เพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนทันที เมื่อเวลาผ่านไป เซลล์ไขมันจะค่อย ๆ ตายและยุบลงเกือบหมดภายใน 6-12 เดือนครับ
- เหมาะกับการฉีดเติมเต็มตำแหน่งที่กว้าง ๆ หรือต้องการเพิ่ม volume มาก ๆ เช่น ขมับ แก้มตอบ หน้าผาก ที่ต้องใช้ cc เยอะ เหมาะกับคนที่หน้ายุบมาก ๆ
ข้อเสียของการฉีดไขมัน
- หลังทำต้องมีเวลาพักฟื้น 2-4 สัปดาห์
- มีแผลบริเวณที่ดูดไขมัน ประมาณ 3-5 mm
- คาดหวังผลลัพธ์ได้ไม่แน่นอน เซลล์ไขมันที่เติมอาจตายในบางจุด ทำให้ยุบลงไม่เท่ากัน เกิดผิวไม่เรียบเป็นคลื่นได้ ต้องทำการแก้ไขหลายครั้ง
- ส่วนใหญ่จะได้ผลไม่ถาวร
- ไม่สามารถปรับแต่งได้
- มีโอกาสเกิดพังผืดมากกว่าการฉีด filler
- ไม่สามารถฉีดในจุดที่ต้องการความละเอียดอ่อนได้ เช่น ดอลลี่อาย ปาก
- หากมีข้อผิดพลาดในการฉีด เช่น ไขมันเข้าไปอุดตันในเส้นเลือด จะไม่สามารถแก้ไขได้ มีโอกาสเกิดเนื้อตาย
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- ปรับแต่งรูปทรงได้ง่าย หมอจึงปั้นทรงให้เหมาะกับแต่ละจุดได้เหมาะสม
- หวังผลได้แม่นยำกว่าการฉีดไขมัน ระยะเวลาคงผลลัพธ์ขึ้นกับรุ่นฟิลเลอร์ที่ใช้
- หลังทำไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีรอยแผล
- หากทำแล้วไม่ชอบ สามารถฉีดสลายออกได้ 100% และปรับแต่งเพิ่มเติมได้
- เหมาะกับตำแหน่งที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น ใต้ตา ดอลลี่อาย ร่องแก้ม คาง
- หากเกิดการอุดตันเส้นเลือด สามารถแก้ไขได้ทันที
ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- ราคาสูงกว่าการฉีดไขมันเมื่อเทียบกับปริมาณ cc ที่ได้
- อยู่ได้สั้นกว่า
ทำไมบางคนฉีดไขมันใต้ตาแล้วเป็นคลื่น ผิวไม่เรียบ
เนื่องจากการฉีดไขมันเป็นการปลูกเซลล์ไขมัน หากปลูกแน่นหรือเติมมากเกินไป ไขมันบางส่วนที่ไม่มีเส้นเลือดมาหล่อเลี้ยงจะตายไป ทำให้เกิดการยุบตัวบริเวณนั้น ไม่ยุบเท่ากันทุกจุด ทำให้ผลลัพธ์การฉีดไขมันใต้ตาไม่เป็นตามที่ต้องการ เห็นเป็นคลื่น ผิวไม่เรียบ เป็นก้อน ซึงจะทำการแก้ไขได้ยาก
และถ้าฉีดไขมันใต้ตากับหมอที่ไม่มีมีประสบการณ์มากพอ หมอเติมผิดตำแหน่ง ก็อาจเกิดเป็นลำหรือก้อนที่ใต้ตาได้ครับ
ฉีดไขมันใต้ตา อันตรายหรือไม่ ?
สิ่งที่ควรระวังมากที่สุดในการเติมไขมันหรือฟิลเลอร์ คือการที่ไขมันหรือฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไป เกิดการหลุดรอดเข้าเส้นเลือดครับ ตามรายงานจากต่างประเทศพบว่า มีเคสที่เนื้อตาย หรือตาบอดจากการฉีดไขมันสูงกว่าฟิลเลอร์มาก ๆ เนื่องจากไขมันไม่มีเอนไซม์ที่ใช้ย่อยสลายได้ในทันทีหากฉีดเข้าหลอดเลือด แก้ไขได้ยากมาก จึงทำการรักษาได้ไม่ทันครับ
การฉีดไขมันแล้วเกิดตาบอด เรียกว่า Central retinal artery occlusion (CRAO) เป็นภาวะฉุกเฉินทางตา (Eye emergency) ต้องรีบทำการแก้ไขภายใน 90 นาที หากทำการรักษาไม่ทันการณ์ จะทำให้ตาบอดถาวรได้ โดยตำแหน่งที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะนี้ ได้แก่ ใต้ตา หน้าผาก ขมับ ร่องแก้ม เพราะเป็นตำแหน่งที่มีเส้นเลือดเชื่อมกับดวงตาโดยตรง
ฟิลเลอร์ชนิด Hyaluronic acid ก็มีโอกาสเกิดภาวะนี้ได้เช่นเดียวกัน แต่การแก้ไขง่ายกว่ามาก เพราะมีตัวยาที่ชื่อ Hyaluronidase ที่สามารถละลายฟิลเลอร์ได้หมด 100% ทันที หากแพทย์พบว่าฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือดก็จะสามารถแก้ไขได้ สลายฟิลเลอร์ที่อุดตันได้ทันทีครับ
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ : ฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตา
ฉีดไขมันใต้ตา ฟิลเลอร์ใต้ตา แบบไหนอยู่ได้นานกว่ากัน ?
โดยทั่วไป การฉีดไขมันใต้ตาสามารถคงผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 1 ปี ซึ่งการฉีดให้ได้คงผลลัพธ์ได้นาน มีปัจจัยหลายอย่าง ทั้ง metabolism ของแต่ละบุคคล ปริมาณไขมันที่ฉีด เทคนิคการฉีด และประสบการณ์ของแพทย์ผู้ฉีดครับ ทำให้หวังผลได้ไม่แน่นอน บางรายอาจอยู่ได้แค่ 3-4 เดือนแล้วไขมันยุบลงหมด หรือถ้าเติมเยอะเกินไป เติมเผื่อยุบ เติมเพื่อให้อยู่ได้นานขึ้น จะทำให้หลังไขมันยุบหมดผิวบริเวณนั้นจะหย่อนคล้อย ไม่กระชับครับ
ส่วนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้นาน 6-24 เดือน โดยการคงผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ/รุ่นฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นหลัก การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ส่งผลต่อการคงผลลัพธ์ได้บ้าง แต่ไม่มากครับ
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ : ฟิลเลอร์ใต้ตา รุ่นไหนดี แต่ละรุ่นต่างกันอย่างไร ?
แก้ริ้วรอยใต้ตาด้วยฟิลเลอร์ปลอดภัยจริงหรือ ?
การฉีดฟิลเลอร์ ประเภท Hyaluronic acid เป็นสารที่มีความปลอดภัย สลายหมดได้เอง ไม่มีสารตกค้าง หากฉีดไปแล้วไม่พอใจสามารถใช้เอนไซม์ hyaluronidase สลายออกบางส่วนหรือทั้งหมดเพื่อแก้ไข ปรับแต่งได้ 100%
แต่มีข้อควรระวังคือต้องใช้ฟิลเลอร์ของแท้ และฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น ถ้าเราเลือกคลินิกที่ฉีดได้ไม่ดีพอ อาจพบการใช้ฟิลเลอร์ปลอม แพทย์ไม่มีประสบการณ์ หรือใช้หมอเถื่อน หมอกระเป๋า มีความเสี่ยงสูงมากที่จะส่งผลให้เกิดอันตรายได้ เช่น การอักเสบติดเชื้อ เป็นก้อนแข็ง หรือที่ร้ายแรงที่สุดคือตาบอดได้เลยครับ
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ : วิธีดูฟิลเลอร์แท้
รีวิวฉีดฟิลเลอร์ลดริ้วรอยใต้ตา ที่ V Square Clinic
เนื้อหาที่ V square clinic ให้บริการด้านการปรับรูปหน้าและลดริ้วรอย โดยแพทย์ที่มีประสบการณ์นานถึง 15 ปี สำหรับปัญหาใต้ตา ร่องใต้ตา ถุงใต้ตา หรือรอยหมองคล้ำ แนะนำให้ใช้การแก้ไขด้วยการฉีดฟิลเลอร์ ทางคลินิกใช้ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์แท้ ที่ผ่านการรับรองจากอย. แล้วเท่านั้น ก่อนฉีดจะแกะกล่องฟิลเลอร์ต่อหน้าคนไข้เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นฟิลเลอร์แท้ 100 % ครับ
สรุป
ใต้ตาเป็นจุดเด่นบนใบหน้าที่สังเกตเห็นได้ง่าย หากเกิดปัญหาร่องใต้ตา ถุงใต้ตา หรือมีรอยคล้ำ หย่อนคล้อย จำเป็นต้องใช้ความละเอียดเป็นอย่างมากในการแก้ไข การฉีดไขมัน เป็นวิธีที่ค่อนข้างยุ่งยากกว่าการฉีดฟิลเลอร์และหวังผลไม่ได้แน่นอน หากต้องการเห็นผลการเปลี่ยนแปลงทันที คุ้มค่ากับราคาที่จ่าย การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาถือว่าคุ้มค่ากว่าครับ ทั้งนี้ควรฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ ผ่านเคสมาหลากหลาย สามารถแนะนำยี่ห้อและรุ่นฟิลเลอร์ได้อย่างเหมาะสม คนไข้ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ดีและดูเป็นธรรมชาติครับ
สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง Inbox Facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ