
ฟิลเลอร์คางเป็นหัตถการที่กำลังได้รับความนิยมทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย เพื่อแก้ปัญหาคางสั้น คางเบี้ยว คางถอย ปรับรูปหน้าให้สมดุลกัน และมีข้อดีคือไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องผ่าตัด แต่หลาย ๆ คนก็ยังกลัวการฉีดฟิลเลอร์ กลัวฟิลเลอร์ไหลย้อย เป็นก้อน กลัวหน้าเบี้ยว ฯลฯ
ในบทความนี้หมอจะมาอธิบายถึงข้อควรรู้ทั้งหมดในการฉีดฟิลเลอร์คาง อันตรายจริงไหม ฉีดฟิลเลอร์อย่างไรให้ปลอดภัย ข้อดีการฉีดฟิลเลอร์คาง vs เสริมคาง บทความนี้มีคำตอบครับ
สารบัญ ฟิลเลอร์คาง
ฉีดฟิลเลอร์คาง ดีไหม อันตรายไหม ?
การฉีดฟิลเลอร์คาง อันตรายไหม? หมอบอกเลยว่า การฉีดคางเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย ไม่อันตราย แต่ต้องฉีดโดยใช้ฟิลเลอร์แท้ที่เป็น Hyaluronic acid เท่านั้น ไม่ควรใช้ฟิลเลอร์ปลอม ฟิลเลอร์หิ้ว หรือสารจำพวกซิลิโคนเหลวโดยเด็ดขาด เพราะฟิลเลอร์ปลอมหรือซิลิโคนเหลวจะไม่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ นานวันเข้าก็จะทำให้มากองรวมกันเป็นก้อน เกิดการอักเสบติดเชื้อตามมาได้ ทำให้หน้าผิดรูป หมดสวย หมดความมั่นใจ ต้องผ่าตัดแก้ไขครับ
นอกจากนี้ ถ้าฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ก็จะยิ่งเพิ่มความมั่นใจถึงความปลอดภัยได้มากยิ่งขึ้น เพราะแพทย์จะรู้ตำแหน่งทางกายวิภาคเป็นอย่างดี ฉีดได้ตรงตำแหน่งและลดโอกาสการฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือดหรือเส้นประสาท หากมีเหตุการณ์ฉุกเฉิน แพทย์ก็สามารถแก้ปัญหาและดูแลคนไข้ได้ทันท่วงทีครับ
หลังฉีดฟิลเลอร์ จะมีอาการบวมบริเวณที่ฉีดได้เป็นปกติ โดยทั่วไปจะบวมในช่วงแรก ๆ และหายได้เองใน 7-14 วัน หลายคนมักจะกังวลในช่วงแรกที่มีอาการบวม เพราะคลำแล้วดูเป็นก้อน ซึ่งอาการนี้ถือเป็นอาการปกติเช่นเดียวกัน เนื่องจากฟิลเลอร์ยังไม่เข้าที่ดีและเนื้อเยื่อยังอยู่ในอาการบวม ฟิลเลอร์จะเข้าที่เรียบเนียนไปกับผิวเต็มที่ภายใน 2-3 สัปดาห์ครับ

- เหมาะกับผู้ที่มีคางสั้น คางทู่ หน้ากลม ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวยาวมากขึ้น
- เหมาะกับผู้ที่มีคางถอย คางบุ๋ม คางตัด คางไม่เท่ากัน ใช้ฟิลเลอร์ช่วยปรับให้คางได้รูปมากขึ้น
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับโหงวเฮ้ง ด้วยการปรับรูปคางให้กลมมน ได้สัดส่วน
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมคาง แต่ไม่มั่นใจว่าการเสริมคางจะเหมาะกับรูปหน้าตนเองไหม การเติมฉีดฟิลเลอร์คางจะช่วยให้เห็นเปลี่ยนแปลงก่อนผ่าตัดเสริมจริงได้
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงคางแต่ไม่มีเวลาพักฟื้น ไม่อยากมีแผล หรือกลัวการผ่าตัด

- ศึกษาข้อมูลของการเสริมคางรูปแบบต่าง ๆ อย่างละเอียด การเสริมคางมีกี่แบบ ข้อดี-ข้อเสียของการเสริมคางแต่ละวิธี ผลลัพธ์ที่ได้ ผลข้างเคียง เวลาพักฟื้น และควรเข้าปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินก่อนตัดสินใจทำ
- ศึกษาวิธีตรวจสอบผลิตภัณฑ์ของแท้ เช่น การสังเกตฟิลเลอร์ของแท้ การเลือกยี่ห้อซิลิโคน การตรวจสอบซิลิโคนของแท้
- เปรียบเทียบราคา ทั้งแบบผ่าตัดเสริม และแบบฉีดฟิลเลอร์ และเปรียบเทียบราคาของคลินิกต่าง ๆ ไม่ควรเลือกคลินิกที่ตั้งราคาถูกหรือแพงเกินไป ไม่ควรเห็นแก่ของถูก
- ศึกษาข้อมูลของแต่ละคลินิก ว่าควรฉีดคางที่ไหนดี โดยดูจากเว็บไซต์คลินิก การให้ข้อมูลของคลินิกผ่านสื่อโซเชียล ดูรีวิวจากแหล่งที่เชื่อถือได้และรีวิวที่เป็นคลิปวิดีโอ ควรเลือกคลินิกที่ตอบคำถามอย่างละเอียดและสามารถเข้าปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินก่อนตัดสินใจทำได้ฟรี
- ศึกษาวิธีปฏิบัติก่อนและหลังเสริมคาง เพื่อลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง พักฟื้นได้ไว และคงผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานขึ้น
เสริมคาง แบบไหนดี ?
เสริมคางแบบไหนดี? อันดับแรกควรดูจากรูปคางเดิมของตนเองก่อนครับ
ในรายที่มีคางสั้นมาก ๆ หมอแนะนำให้ผ่าตัดเสริมจะเหมาะสมกว่า เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์จะใช้ฟิลเลอร์ได้เพียง 1-2 cc จึงไม่สามารถทำให้คางยาวขึ้นกว่าเดิมเกิน 1 เซนติเมตรได้ เนื่องจากฟิลเลอร์มีลักษณะเป็นเนื้อเจลและต้องฉีดในชั้นใต้เยื่อหุ้มกระดูก ถ้าฉีดฟิลเลอร์จำนวนเยอะเกินไปจะทำให้ฟิลเลอร์บางส่วนอยู่ในเนื้อคางชั้นตื้น เกิดฟิลเลอร์ไหลกองรวมกันเป็นก้อนได้ในอนาคตครับ
Filler คาง เหมาะกับคนที่มีคางสั้นแต่ไม่มากเกินไป คางตัด คางหลุบ คางถอย ใบหน้าไม่สมดุลกันจากรูปคางที่เบี้ยว หรือบางรายที่ปรับหน้าเรียวด้วยการฉีดโบท็อกลดกราม ฉีดเมโสแฟต ร้อยไหมก้างปลา มาแล้ว แต่อยากให้คางเรียวยาวรับกับหน้ามากขึ้น ก็สามารถฉีดฟิลเลอร์ได้ครับ

การฉีดฟิลเลอร์คางเป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ
ส่วนการเสริมคาง จะเหมาะกับผู้ที่มีคางสั้นมาก ๆ และสามารถปรับรูปทรงคางได้เช่นเดียวกับการฉีดฟิลเลอร์ ข้อดีคืออยู่ได้ถาวร ไม่ต้องทำบ่อย ๆ โดยในกระบวนการผ่าตัดเสริมคาง หมอจะต้องออกแบบรูปทรงซิลิโคนให้เหมาะกับโครงสร้างใบหน้าและความต้องการของคนไข้ก่อน จากนั้นจะทำการผ่าตัดสอดซิลิโคนเข้าไปใต้เยื่อหุ้มกระดูก เพื่อให้ Silicone ไม่เคลื่อนที่ได้ง่าย

ซิลิโคนสำหรับเสริมคาง มีหลายรูปทรงทั้งแบบขาสั้นและขายาว หมอจะเลือกซิลิโคนให้เหมาะกับรูปหน้าที่สุด
ถ้าขาซิลิโคนไม่เหมาะสมกับรูปหน้า เช่น ถ้าขาซิลิโคนสั้นเกินไปจะทำให้ Silicone คางที่เสริมไม่รับกับแนวกราม ดูไม่เป็นธรรมชาติ หรือถ้าขาซิลิโคนยาวเกินไป อาจจะทำให้กดทับ mental foramen ซึ่งเป็นรูทางออกของเส้นประสาท ส่งผลให้ปากเบี้ยวได้ครับ

ภาพตัวอย่างคนไข้ที่ใส่ซิลิโคนขาสั้นเกินไป ทำให้คางที่เสริมไม่รับกับกรอบหน้า เคสนี้หมอแก้ไขได้โดยการเติมฟิลเลอร์กรอบหน้าครับ
นอกจากนี้ ยังมีวิธีการเติมไขมันคาง เพื่อปรับรูปทรงคางและให้คางดูยาวขึ้นได้ครับ แต่จะไม่สามารถแก้การยุบตัวของกระดูกได้ เพราะจะฉีดได้เฉพาะในชั้นที่เป็นเนื้อ และการเติมไขมันไม่สามารถคำนวณปริมาณการเติมได้อย่างแม่นยำ เพราะอัตราการสลายตัวของเซลล์ไขมันในแต่ละคนแตกต่างกัน หากเติมมากเกินไปเนื้อก็จะยวบยาบไม่เป็นธรรมชาติครับ
ฟิลเลอร์คาง | ผ่าตัดเสริมคาง |
---|---|
เป็นการฉีดสารเติมเต็ม HA ที่มีลักษณะเป็นเนื้อเจล มีความปลอดภัยสูง สลายได้เองตามธรรมชาติ | ใช้แท่งซิลิโคนสอดเข้าไปในชั้นใต้เยื่อหุ้มกระดูกโดยใช้การผ่าตัด หากแท่งซิลิโคนไม่พอดี มีโอกาสคางยื่นยาวไม่รับกับใบหน้า |
เห็นผลหลังทำทันที ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น | มีช่วงพักฟื้นหลังทำ และต้องมีการดูแลแผลผ่าตัดเพื่อป้องกันการอักเสบติดเชื้อ และอาจบวมช้ำนานหรือมีรอยแผลเป็น |
มีอาการบวมเล็กน้อยหลังฉีด ยุบบวมและเข้าที่เต็มที่ใน 7-14 วัน | มีอาการบวมได้ 3-4 สัปดาห์ เข้าที่ใน 1-3 เดือน |
หากทำแล้วไม่ชอบ สามารถปรับแต่งและฉีดสลายทันที หรือเมื่อฟิลเลอร์เริ่มสลายก็สามารถฉีดเพิ่มได้ทันที | กรณีต้องการแก้ไขทำได้ค่อนข้างยาก ต้องผ่าตัดอีกครั้งเพื่อแก้ไขหรือเอาซิลิโคนออก |
อยู่ได้ไม่ถาวร ฟิลเลอร์อยู่ได้ 12-18 เดือน แล้วแต่รุ่นที่ใช้ | อยู่ได้ถาวร |
ก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง
นอกจากการศึกษาข้อมูลที่จำเป็น เช่น การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน การเลือกหมอแล้ว ต้องมีการเตรียมตัวและข้อควรระวังที่ควรรู้ เพื่อให้ผลการฉีดออกมาดีที่สุด บวมช้ำน้อย ดังนี้
- ยาและวิตามินบางชนิดที่ควรงดก่อนฉีดฟิลเลอร์ 1 สัปดาห์ ได้แก่ ยาแอสไพริน, NSAIDs, วิตามิน St. Johns Wort, ginko biloba, primrose oil, garlic, ginseng และ Vitamin E ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อนจะงดยาครับ
- งดยาผลัดเซลล์ผิว การดึงหรือโกนขนบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์
- งดคอร์สเลเซอร์และนวดหน้าอย่างน้อย 3 วัน ก่อนฉีด
- หากมีโรคประจำตัวหรือยาที่ต้องรับประทานประจำควรแจ้งแพทย์ก่อนทำทุกครั้ง
แพทย์จะพิจารณาให้กินยาห้ามเลือดหรือฉีดยาลดบวมในบางเคส เพื่อลดความเสี่ยงในการบวมช้ำ อักเสบติดเชื้อ
- สามารถแจ้งเพื่อขอแปะยาชาก่อนฉีดฟิลเลอร์ได้ และหมอจะฉีดยาชาในจุดนั้น ๆ ให้ด้วย

ข้อควรปฏิบัติก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง

ข้อควรปฏิบัติก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง
ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์คาง
- หลังฉีดฟิลเลอร์ในวันแรก ๆ อาจจะมีอาการบวมแดง เขียวช้ำ หรือคันได้ในจุดที่ทำได้เป็นปกติ จะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 2 – 3 วัน แต่หากหลังจาก 3 วัน มีการบวมมากขึ้น ผิวหนังเปลี่ยนสีหรือมีตุ่มหนอง ให้ติดต่อกลับมาที่คลินิกเพื่อประเมินอาการและรับยากินเพิ่มครับ
- ทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ไม่ควรหยุดยาเอง หากมีความผิดปกติหลังทานยา เช่น วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ ให้รีบติดต่อกลับมาที่คลินิกครับ
- อยู่ในที่มีอากาศเย็น ไม่ร้อนจนเกินไป หรือตากแดดเป็นเวลานาน ๆ หากจำเป็น ควรสวมหมวก กางร่ม หรืออุปกรณ์ป้องกันไม่ให้ความร้อนสัมผัสบริเวณที่ฉีด
- ใน 2-3 คืนแรก ควรนอนโดยใช้หมอนหนุนศีรษะอย่างน้อย 2 ใบ เพื่อให้ศีรษะอยู่สูงกว่าระดับหน้าอก งดการนอนตะแคง แนะนำให้ใช้หมอนมากันใบหน้าทั้งด้านซ้ายและขวาเพื่อป้องกันการกดทับบริเวณที่ฉีด
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 1.5 – 2 ลิตร เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพราะฟิลเลอร์เป็นสารที่อุ้มน้ำ การดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยให้ฟิลเลอร์ฟู ได้รูป และช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น

ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์คาง

ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์คาง
Q&A ฟิลเลอร์คาง
ฉีดฟิลเลอร์คางบวมได้เป็นปกติในช่วงแรก จะดีขึ้นภายใน 2 – 3 วัน ยุบบวมเต็มที่และเห็นผลชัดเจนใน 7-14 วันครับ
- ผู้ที่มีภาวะอักเสบติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์
- เคยมีประวัติแพ้ส่วนประกอบของฟิลเลอร์ที่วินิจฉัยว่าแพ้โดยแพทย์, อาการข้างเคียง (side effect) อื่นๆ ไม่ได้ถือว่าเป็นการแพ้ (allergy)
- มีประวัติแพ้ยาชา (ถ้าคนไข้ไม่เคยฉีดยาชาทำฟันมาก่อนควรแจ้งแพทย์เพื่อเพิ่มความระมัดระวังในการใช้ยาชา)
- อยู่ในภาวะเลือดไหลไม่หยุด (bleeding disorder) แพทย์จะพิจารณาตามดุลยนินิจ
- ห้ามทำในผู้ที่ตั้งครรภ์
- ในกรณีให้นมบุตรควรปรึกษาสูติแพทย์ที่ดูแลก่อนทำ

ข้อห้ามในการฉีดฟิลเลอร์คาง
การเลือกคลินิกที่ทำก็เป็นส่วนสำคัญในการฉีดฟิลเลอร์ครับ ฉีดฟิลเลอร์คางที่ไหนดี หมอแนะนำให้พิจารณาดังนี้ครับ
- คลินิกควรแสดง ชื่อ ภาพถ่าย รวมทั้งเลขที่ใบอนุญาต 11 หลัก ของผู้ประกอบการ ให้เห็นได้อย่างชัดเจน
- คลินิกสะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย มีแสงสว่างเพียงพอ มองเห็นชัดเจน ห้องหัตถการกว้างขวาง
- อุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้จะต้องผ่านการฆ่าเชื้อ ถูกต้องตามหลักอนามัย
- ควรมีคุณหมอแบบ FullTime ประจำอยู่ด้วย เพราะแพทย์ประจำจะสามารถดูแลเคสได้ต่อเนื่อง สามารถติดตามตัวได้ และย่อมที่จะรักษาชื่อเสียงของคลินิก
- สถานที่ตั้งของคลินิก ควรอยู่ในห้างสรรพสินค้า หรืออยู่ในบริเวณที่มีผู้คนผ่านเยอะในแต่ละวัน มีความปลอดภัย และเดินทางไปได้สะดวก โดยเฉพาะกรณีที่เกิดปัญหาที่ต้องรีบเข้ามาติดต่อที่คลินิก
- คลินิกควรมีช่องทางติดต่อ เบอร์โทรศัพท์ และช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เช่น Line@ หรือ Facebook สำหรับให้คนไข้สามารถสอบถามข้อสงสัยกับคุณหมอที่ทำเคสของตนเองโดยตรงได้อย่างสะดวก
- ควรมีรีวิวจากผู้ที่เคยใช้บริการจริง เปรียบเทียบผลการรักษา ก่อนทำ-หลังทำ เพื่อประกอบการตัดสินใจ
- มีป้ายประจำตัวเแพทย์ และเลขที่ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม นำชื่อ – นามสกุลของหมอไปตรวจสอบกับเว็บไซต์แพทยสภาได้
- มีประสบการณ์ฉีดฟิลเลอร์ อย่างน้อย 5 ปี
- พิจารณาจากรีวิวในแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น pantip, facebook ที่คลินิกไม่สามารถลบข้อความได้ ว่ามีที่ผ่านมาเคยมีผู้ที่เข้ารับการร้อยไหมจากคุณหมอท่านนั้นมากน้อยเพียงใด และคุณหมอเคยมีประสบการณ์ด้านร้อยไหมเพื่อปรับรูปหน้ามาเยอะหรือไม่ และคำบอกเล่าประสบการณ์จากผู้ใช้บริการจริง
- หากมีคลิปรีวิว ที่ไม่ได้มีการแต่งภาพเพิ่ม จะยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือได้ครับ
- สามารถเข้าไปปรึกษาและตรวจประเมินอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจทำได้
ก่อนที่จะฉีดฟิลเลอร์คาง รีวิวจากคนไข้ที่รับบริการจริงควรเป็นสิ่งที่ต้องดูครับ เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงหลังทำของคนไข้ที่มีรูปหน้าต่าง ๆ กัน เพื่อช่วยในการตัดสินใจครับ


เคสนี้มีความกังวลเรื่องคางสั้น คางถอย หลังทำทันทีเห็นว่าคางยาวขึ้น ส่งผลให้ใบหน้าโดยรวมเรียวขึ้น หน้าดูเล็กลง

เคสนี้ได้มีการปรับรูปหน้าเรียวด้วยการฉีดโบท็อกกราม และเติมฟิลเลอร์คางเพื่อให้รับกับแนวกรามที่เล็กลงมากขึ้น ใบหน้าจึงดูเรียวสวยขึ้นชัดเจน


เคสนี้เดิมมีลักษณะคางกลม เมื่อดูใบหน้าตรงจะเห็นว่าคางสั้น หมอจึงเติมฟิลเลอร์คางให้มีมิติมากขึ้น ใบหน้าโดยรวมดูเรียวขึ้น
การฉีดฟิลเลอร์คาง ควรใช้เทคนิคการเสริมกระดูก ไม่ใช่การเติมเนื้อ ทำให้คางคงรูปได้ดี ไม่ถูกกล้ามเนื้อดึงมากองรวมกันเป็นก้อน หมอจึงแนะนำรุ่นที่มีความคงตัวสูง เนื้อแน่น ไม่ฟูมาก เพื่อให้ปั้นเป็นทรงได้สวยครับ โดยแต่ละรุ่นที่สามารถใช้เป็นฟิลเลอร์คาง ราคาจะแตกต่างกันไปครับ ในการเลือกใช้หมอจะประเมินจากรูปหน้าจริงของคนไข้ งบประมาณ ความต้องการให้อยู่ได้นานมากน้อย และแนะนำรุ่นที่เหมาะสมให้ครับ

- Restylane Perlane lyft (สวีเดน) มีความคงตัวสูง ไม่ฟู และสามารถคงรูปได้ดีที่สุด อยู่ได้ 12 เดือน
ราคา 13,000.- / 1 CC
- Juvederm Voluma (อเมริกา) เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็งที่มีความยืดหยุ่นสูง อุ้มน้ำได้มาก เนื้อฟูปานกลาง อยู่ได้ 18 เดือน
ราคา 13,000.- / 1 CC
- Juvederm Volux (อเมริกา) เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีโมเลกุลขนาดใหญ่ มีความยืดหยุ่นสูง คงรูปได้ดี อยู่ได้นาน 18-24 เดือน
ราคา 18,000.- / 1 CC
- Belotero Intense เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็ง แต่อุ้มน้ำได้ดี เหมาะกับการเติมในเคสที่เนื้อยุบ อยู่ได้นาน 18 เดือน
ราคา 9,900.- / 1 CC
สรุป ฟิลเลอร์คาง
ก่อนที่จะเสริมคาง หรือกำลังลังเลว่าฉีดคางดีไหม ควรหาข้อมูลอย่างละเอียดและปรึกษาแพทย์เพื่อช่วยในการตัดสินใจ เพราะแต่ละวิธีมีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันครับ ควรดูทั้งโครงสร้างใบหน้า ราคา ความคุ้มค่าในการทำ และรีวิวจากผู้ที่ใช้บริการจริง ก่อนที่จะตัดสินใจทำ
การฉีดฟิลเลอร์คางเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง สำหรับคนที่ต้องการเห็นผลลัพธ์รวดเร็ว เป็นธรรมชาติ และไม่ต้องพักฟื้น หากคลินิกที่ทำได้มาตรฐาน แพทย์ใช้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ดีและสวยงามไม่แพ้การผ่าตัดครับ หากใครยังลังเล สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ที่ V square clinic หรือส่งรูปหน้ามาให้หมอประเมินก่อนได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายครับ
สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง Inbox Facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ
