Coolsculpting

Coolsculpting

Coolsculpting เป็นวิธีที่ช่วยสลายไขมันโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยเป็นวิธีที่ช่วยลดไขมันส่วนเกินได้อย่างเห็นผล เราสามารถหาข้อมูลได้มากมายตามอินเทอร์เน็ต มีทั้งการลดไขมันด้วยวิธีธรรมชาติ เช่น การออกกำลังกายและการเลือกรับประทานอาหาร รวมถึงวิธีการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์มาช่วยลดไขมันให้เห็นผลรวดเร็ว และช่วยลดไขมันส่วนเกินที่ลดยาก

การสลายไขมันด้วยความเย็น เป็นวิธีที่ช่วยสลายไขมันโดยไม่ต้องผ่าตัด ที่กำลังได้รับความนิยม แต่หลายคนยังไม่ทราบว่า Coolsculpting คืออะไร ช่วยสลายไขมันได้อย่างไร เห็นผลจริงไหม ? เจ็บไหม ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง กี่วันเห็นผล ต่างจากการดูดไขมันอย่างไร ? Coolsculpting มีผลข้างเคียงไหม ก่อน-หลังทำ Coolsculpting ควรรู้อะไรบ้าง ? หมอจะมาอธิบายในบทความนี้ครับ

สารบัญ Coolsculpting


Coolsculpting คือ

Coolsculpting คือ เครื่องสลายไขมันด้วยความเย็น (Cryolipolysis, Fat-freezing) แบบไม่ต้องผ่าตัด ตามหลักการที่ว่าเซลล์ไขมัน (Adipose cell) จะไวต่อความเย็นมากกว่าน้ำและเนื้อเยื่ออื่น ๆ ทำให้เมื่อใช้ความเย็นจัดส่งลงไปใต้ชั้นผิว จะมีเฉพาะเซลล์ไขมันเท่านั้นที่ถูกแช่แข็ง ทำให้เซลล์ไขมันตาย (Apoptosis) และถูกกำจัดออกจากร่างกายในที่สุดครับ

เครื่อง Coolsculpting จะมีส่วนของหัวดูด (Applicator) มักเรียกการดูด 1 ครั้งว่า 1 หนีบ หรือ 1 cycles ผิวหนังขึ้นมาและปล่อยความเย็นที่ -11°C เป็นเวลานาน 35 นาทีในแต่ละจุด หลังจากที่เซลล์ไขมันถูกแช่แข็งครบเวลา เซลล์ไขมันตายจะถูกร่างกายกำจัดออกได้เองตามธรรมชาติ โดยเป็นวิธีที่กำจัดไขมันได้ถาวรครับ

การทำงานของเครื่อง Coolsculpting สลายไขมันด้วยความเย็น

การสลายไขมันด้วยความเย็น จะใช้ความเย็นทำลายเซลล์ไขมันได้โดยตรง เซลล์ไขมันจึงลดจำนวนลงได้ถาวร


สาเหตุไขมันสะสม

  • กรรมพันธุ์ โรคอ้วนหรือปัญหาไขมันส่วนเกิน สามารถส่งต่อทางพันธุกรรมได้ครับ พ่อแม่ที่มีรูปร่างอ้วนอาจจะทำให้ลูกอ้วนได้เช่นกัน แต่ก็ไม่ใช่ปัจจัยหลัก 100% มีผลแค่ 40-70% เท่านั้น ความอ้วนที่เกิดจากกรรมพันธุ์จะลดได้ค่อนข้างยากครับ
  • เพศและอายุ ผู้ชายมีแนวโน้มเผาผลาญได้เร็วกว่าผู้หญิง และเมื่อคนเราอายุมากขึ้น อัตราการเผาผลาญจะลดลง แต่ตามสถิติแล้วผู้ชายจะมีไขมันสะสมในช่องท้องมากกว่าผู้หญิง ส่วนผู้หญิงจะเป็นไขมันส่วนเกินบริเวณสะโพก ต้นขา ต้นแขนมากกว่าครับ ซึ่งเป็นผลมาจากระบบเผาผลาญพลังงานที่แตกต่างกันครับ
  • การรับประทานอาหารประเภทไขมัน แป้ง หรือโซเดียมมากเกินไป หากทานอาหารประเภทนี้เกินปริมาณที่ควรได้รับในแต่ละวัน ทำให้ร่างกายไม่สามารถเผาผลาญได้หมด ไขมันเกิดการสะสมและแทรกซึมอยู่บริเวณอวัยวะต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น และการทานอาหารที่มีโซเดียมสูง ส่งผลให้ดูตัวบวมขึ้นได้ครับ
ทานอาหารไขมันสูง

การรับประทานอาหารไขมันสูงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดไขมันส่วนเกิน

  • ไม่ค่อยขยับหรือออกกำลังกายน้อย หากเป็นคนที่นั่งทำงานอยู่กับที่ เคลื่อนไหวร่างกายน้อย ไม่ออกกำลังกาย ร่างกายจึงใช้พลังงานน้อย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับประทานอาหารที่มีไขมันสูง ก็อาจเกิดไขมันสะสมได้ เนื่องจากร่างกายไม่ได้เกิดการเผาผลาญสารอาหารเท่าที่ควร จึงสะสมไว้ในร่างกาย

วิธีกำจัดไขมันส่วนเกินวิธีต่าง ๆ

  1. ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารและออกกำลังกายสม่ำเสมอ

การรับประทานอาหารและการออกกำลังกาย เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดไขมันสะสม ควรรับประทานที่มีสารอาหารอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะอาหารประเภทโปรตีน ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างกล้ามเนื้อ ถ้ามวลกล้ามเนื้อมากขึ้น ร่างกายก็จะเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้น  และควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ใช้น้ำมัน มีไขมันสูง เช่น อาหารประเภททอด ผัด อาหาร junk food

และเมื่อเปลี่ยนการรับประทานอาหารร่วมกับการออกกำลังกาย จะยิ่งเห็นผลดียิ่งขึ้น ดีต่อสุขภาพร่างกายโดยรวม ประหยัด ทำได้ไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลา และต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรครับ

  1. การดูดไขมัน

การดูดไขมัน (Liposuction) เป็นการใช้เครื่องมือที่ทำให้ไขมันบริเวณที่ทำเกิดการแตกตัว เช่น เครื่องดูดไขมันพลังน้ำ เครื่องดูดไขมันกลุ่มความร้อน เครื่องดูดไขมันพลังงานกลการสั่นสะเทือน เมื่อไขมันแตกตัวแล้วทำการดูดไขมันออกโดยใช้ท่อหรือไซริงค์ครับ 

การดูดไขมันเป็นวิธีที่วิธีที่ค่อนข้างเจ็บ บวมช้ำนาน ต้องพักฟื้นนาน บางเคสพบปัญหาผิวไม่เรียบในบริเวณที่ดูดไขมัน และทิ้งรอยแผลเป็นตามแนวที่สอดเครื่องมือได้ วิธีการดูดไขมันเหมาะกับคนที่อ้วนมาก ๆ ครับและไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ไขมันเยอะจากกรรมพันธุ์ ออกกำลังกายแล้วไม่ลง ต้องการเห็นผลชัดเจน รวดเร็ว เห็นว่ายุบทันทีครับ

  1. การสลายไขมันด้วยความเย็น

การสลายไขมันด้วยความเย็น เป็นนวัตกรรมการสลายไขมัน ที่ใช้หลักการแช่แข็งเซลล์ไขมันให้แตกตัวและถูกกำจัดออกจากร่างกายได้ถาวร โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องลงมีด ไม่ต้องใช้เข็ม 

เครื่องที่นิยมใช้ในการสลายไขมันด้วยความเย็นและเป็นเครื่องที่ได้รับรองมาตรฐานระดับสากล คือ เครื่อง Coolscolpting ครับ สามารถลดไขมันส่วนเกินลงได้ 25% ต่อการทำ 1 ครั้ง เหมาะกับคนที่ไม่อยากมีแผลผ่าตัด ไม่มีเวลาพักฟื้น และมีไขมันสะสมไม่เยอะมาก BMI<35 ครับ

  1. การฉีดเมโสแฟต

การฉีดเมโสแฟตเป็นการฉีดตัวยาที่มีฤทธิ์สลายไขมันเข้าไปในผิวชั้นไขมัน กระตุ้นให้เซลล์ไขมันเกิดการแตกตัว หรือกระตุ้นการเผาผลาญในร่างกาย ช่วยในการดึงไขมันออกจากเซลล์ จากนั้นจะถูกขับออกจากร่างกายผ่านการหายใจและระบบขับถ่าย  ในการฉีด 1 ครั้งตามปริมาณที่เหมาะสม ไขมันจะลดลงได้ 10-15% เห็นผลเต็มที่ใน 2-3 อาทิตย์ 

แต่การฉีดเมโสแฟตมีข้อเสียคือหวังผลได้ไม่แน่นอน และอาจจะเห็นผลไม่ชัดเจน เนื่องจากการออกฤทธิ์ของตัวยานั้นขึ้นกับปัจจัยของร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนฉีดเมโสแฟตแล้วเห็นผลดีมาก บางคนไม่เห็นผลก็มีครับ เหมาะกับคนที่มีงบประมาณจำกัดอาจจะทดลองใช้วิธีนี้ก่อน หากเห็นผลดีก็จะช่วยประหยัดเงินได้ครับ


Coolsculpting ช่วยสลายไขมันสะสมได้อย่างไร มีกระบวนการทำงานในการสลายไขมันอย่างไร

เซลล์ไขมัน (Adipose cell) เป็นเซลล์ที่ไวต่อความเย็นมากกว่าน้ำและเนื้อเยื่ออื่น ๆ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย ๆ เช่น ถ้าเรานำอาหารที่มีไขมันไปแช่ตู้เย็น ส่วนที่เป็นไขมันจะแข็งตัวและแยกชั้นลอยขึ้นมาได้ไวกว่าส่วนที่เป็นน้ำหรือเนื้อสัตว์ จึงนำหลักการนี้มาใช้ในการพัฒนาเครื่องมือสลายไขมัน เมื่อใช้เครื่อง Coolsculpting ทาบลงบนผิวบริเวณที่ต้องการสลายไขมันเป็นในระยะเวลาหนึ่งประมาณ 35 นาที เซลล์ไขมันในชั้นผิวเท่านั้นที่จะถูกแช่แข็ง จึงเกิดภาวะ Apoptosis หรือเซลล์ไขมันตาย เซลล์ไขมันที่ตายจะค่อย ๆ ถูกกำจัดออกจากในลำดับต่อไปครับ


Cryolipolysis คืออะไร เกี่ยวข้องกับ Coolsculpting อย่างไร

Cryolipolysis มาจากคำว่า Cryo- แปลว่า ความหนาวเย็น, ความเย็นจนเป็นน้ำแข็ง Lipo- แปลว่า ไขมัน ส่วน -lysis การทำให้สลายตัวหรือแตกตัว ดังนั้น Cryolipolysis จึงหมายความว่า การสลายไขมันด้วยความเย็นนั่นเองครับ

Coolsculpting เป็นเครื่องสลายไขมันด้วยความเย็นที่ใช้หลักการ Cryolipolysis มีส่วนหัวดูดที่ดูดผิวขึ้นมา จากนั้นจะปล่อยความเย็นที่ -11°C ลงสู่ชั้นผิวเป็นเวลานาน 35 นาทีในแต่ละจุด หลังจากที่เซลล์ไขมันถูกแช่แข็งครบเวลา เซลล์ไขมันสลายตัวและจะถูกกำจัดออกจากร่างกายตามธรรมชาติ ซึ่งการสลายไขมันด้วยวิธี Cryolipolysis เป็นการกำจัดไขมันถาวร เซลล์ไขมันในบริเวณนั้นจะไม่กลับมาอีกครับ


Coolwave, Coolsculpting, EmSculpt ต่างกันอย่างไร

Emsculpt เป็นวิธีการลดไขมันโดยใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ส่งไปกระตุ้นชั้นกล้ามเนื้อให้เกิดการหดเกร็ง เสมือนการเล่นบอดี้เวท ทำให้ร่างกายเกิดการสร้างกล้ามเนื้อบริเวณนั้นเพิ่มขึ้นครับ เหมาะกับคนที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อ สร้างซิกแพคครับ

ส่วน CoolWave เป็นเทคนิคที่ใช้ในการทำ Cryolysis เช่นเดียวกับการทำ Coolsculpting แต่เป็นเครื่องคนละยี่ห้อกันครับ บางคลินิกจะเรียกว่าการทำ Z lipo & Z wave หลักการคือใช้ความเย็นสลายไขมันในจุดที่ต้องการโดยเครื่อง Z lipo ก่อน จากนั้นใช้เครื่อง Z wave ส่งคลื่นความถี่เข้าไปช่วยให้เซลล์ไขมันที่ตายลำเลียงออกจากร่างกายได้ง่ายขึ้นครับ

แต่ Coolsculpting เป็นเครื่อง original ที่ใช้ความเย็นสลายเซลล์ไขมัน จากประเทศสหรัฐอเมริกา มีงานวิจัยรองรับ มีใช้กว่า 74 ประเทศทั่วโลก และผ่านการรับรองจาก FDA ครับ เป็นวิธีการสลายไขมันที่เห็นผลแบบถาวร คือลดจำนวนเซลล์ไขมันในจุดที่ทำให้ลดลง เน้นลดสัดส่วน มีหัวดูดหลายแบบสามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละตำแหน่งได้ ทำได้หลายส่วนที่มีไขมันสะสมครับ หลังทำ Coolsculpting จะมีขั้นตอนการนวดเพื่อให้ไขมันแตกตัว โดยไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องนวดหรือเครื่องมืออื่น ๆ ครับ


ทำ Coolsculpting ช่วยสลายไขมันได้ผลจริงไหม

การทำ Coolsculpting เป็นวิธีสลายไขมันที่เห็นผลได้จริง โดยในช่วง 3-4 สัปดาห์หลังทำ จะเริ่มสังเกตได้ว่าสัดส่วนเล็กลง และจะเห็นผลชัดเจนเต็มที่ใช้เวลา 3 เดือนครับ


Coolsculpting ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง

การสลายไขมันด้วยความเย็น Coolsculpting สามารถทำได้หลายตำแหน่งตามที่มีไขมันสะสม ได้แก่

  • Coolsculpting ต้นแขน
  • Coolsculpting หน้าท้อง
  • Coolsculpting ต้นขา
  • Coolsculpting สะโพก
  • Coolsculpting เอว (ห่วงยาง)
  • Coolsculpting เหนียง
ตำแหน่งสลายไขมันด้วยความเย็น

ตำแหน่งที่สามารถสลายไขมันด้วยความเย็นได้


หัว Coolsculpting มีกี่แบบ แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร แบบไหนใช้กับส่วนไหน

เครื่อง Coolsculpting ได้มีการพัฒนาหัวดูด หรือ Applicators ให้เหมาะสมกับแต่ละบริเวณที่ต้องการทำ ทำให้สามารถสลายไขมันในบริเวณที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น และยังพัฒนาในเรื่องของระบบดูสุญญากาศ การส่งความเย็น ทำให้ผู้รับบริการเจ็บน้อยลง ใช้เวลาในการทำน้อยลงด้วยครับ

โดยปัจจุบันมีหัวดูดทั้งหมด 10 แบบ ดังต่อไปนี้

  1. CoolCore ขนาดพื้นที่ 117 ตร.ซม. หัวดูดขนาดกลางสำหรับการลดไขมันประเภท Subcutaneous fat ใช้ทาบไปกับผิวที่เป็นบริเวณไม่กว้างมากและมีความโค้ง เหมาะกับทำบริเวณหน้าท้องส่วนบนและล่าง หรือสะโพก
  2. CoolCurve+ ขนาดพื้นที่ 130 ตร.ซม. เป็นหัวดูดที่มีลักษณะโค้งไปตามสรีระได้มาก เหมาะสำหรับใช้กับพื้นที่ที่มีความเว้า เช่น เอว สีข้าง ไขมันบริเวณหลัง ปีกหลัง
  3. CoolMax ขนาดพื้นที่ 343 ตร.ซม. หัวดูดขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับทำส่วนที่มีความกว้างมาก เช่น หน้าท้องส่วนล่าง
  4. CoolFit ขนาดพื้นที่ 170 ตร.ซม. เป็นหัวดูดแบบราบ เหมาะกับพื้นที่ที่มีความนูนของไขมันเล็กน้อย เช่น ต้นขาด้านใน
  5. CoolSmooth ขนาดพื้นที่ 213 ตร.ซม. เป็นหัวดูดแบบราบขนาดใหญ่ เหมาะกับการทำบนผิวที่มีบริเวณกว้างและแบนราบ เช่น ต้นขาด้านนอก หน้าท้องส่วนบน
  6. CoolSmooth Pro ขนาดพื้นที่ 213 ตร.ซม. เป็นหัวดูดแบบราบขนาดใหญ่ที่พัฒนามาจากหัว CoolSmooth เหมาะกับการทำบนผิวที่มีบริเวณกว้างและแบนราบ เช่น ต้นขาด้านนอก หน้าท้องส่วนบน และบริเวณใต้สะโพกลงมา (บางคลินิกใช้ทำ sixpack)
  7. CoolMini ขนาดพื้นที่ 35 ตร.ซม. เป็นหัวดูดแบบโค้งขนาดเล็ก เหมาะกับบริเวณไขมันบริเวณเหนียง นมน้อย (เนื้อใต้รักแร้) เหนือหน้าอก ผู้หญิง เนื้อย้วยเหนือเข่า
  8. CoolAdventage ขนาดพื้นที่ 115 ตร.ซม. เป็นหัวดูดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะสามารถใช้ได้กับหลายบริเวณ เหมาะกับผู้ที่มีไขมันปานกลาง ใช้ทำได้ 7 จุด ได้แก่ ท้อง เอว แขน หน้าอกผู้ชาย ปีกหลัง ขาด้านใน ใต้ก้น
  9. CoolAdvantage Petite ขนาดพื้นที่ 77 ตร.ซม. เป็นหัวดูดขนาดเล็กกว่าหัว CoolAdventage แต่มีขนาดเล็กกว่า เหมาะกับคนที่มีไขมันไม่หนามากหรือผู้ที่กลับมาทำซ้ำที่จุดเดิม ใช้สำหรับลดไขมันได้ 7 จุด เท่ากับหัว CoolAdvantage คือ ท้อง เอว แขน หน้าอกผู้ชาย ปีกหลัง ขาด้านใน ใต้ก้น
  10. Cool Advantage Plus ขนาดพื้นที่ 190 ตร.ซม. เป็นหัวขนาดใหญ่ เหมาะกับคนที่มีไขมันเยอะ ใช้สำหรับลดไขมันบริเวณกว้าง ได้แก่ เอว ท้อง
Applicator

หัวดูด Applicator สำหรับการลดไขมันในจุดต่าง ๆ

Applicator2

ขนาดหัวดูด Applicator

Coolsculpting มีหัวที่ใช้กำจัดไขมันหลายรูปทรงและหลายขนาด สามารถออกแบบรูปทรงในการลดของไขมันได้คล้าย ๆ การปั้น (Sculpting) โดยผู้เชี่ยวชาญจะเป็นคนแนะนำและให้คำปรึกษาในการออกแบบสัดส่วนตามที่คนไข้ต้องการ


ใครเหมาะกับการทำ Coolsculpting สลายไขมัน

  • Coolsculpting เหมาะกับผู้มีปริมาณไขมันระดับปานกลาง (BMI ไม่มากกว่า 35)
  • เหมาะกับผู้ที่กลัวการผ่าตัด กลัวการดูดไขมัน กลัวเข็มจากการฉีด กลัวผลข้างเคียงจากการดูดไขมัน 
  • เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาพักฟื้น ไม่อยากมีแผลจากการผ่าตัด

ข้อดี – ข้อเสีย ของการทำ Coolsculpting สลายไขมันด้วยความเย็น

ข้อดี Coolsculpting

  • เป็นวิธีสลายไขมันโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีรอยแผล มีความปลอดภัยและได้รับได้ US FDA approved ไม่ต้องการเสี่ยงกับผลข้างเคียงของการดูดไขมัน
  • กำจัดเซลล์ไขมันได้ถาวร โดยไขมันจะลดลงครั้งละ 25% ในจุดที่ทำ หรือ 60-70 CC/1หนีบ ต่างจาก Slimming treatment แบบอื่น ๆ ที่เน้นการลดขนาดของเซลล์หรือเร่งระบบการเผาผลาญของร่างกาย
  • มีระบบเซนเซอร์ตรวจจับกรณีที่พบว่าผิวหนังเย็นเกินไป และจะปิดการทำงานโดยอัตโนมัติ ลดความเสี่ยงในการเกิดผิว burn จากความเย็นจัด
  • หลังทำไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องใช้ยาชาหรือยาสลบ
  • สามารถทยอยทำในแต่ละจุดที่ต้องการเน้นได้

ข้อเสีย Coolsculpting

  • ไม่เหมาะกับผู้ที่อ้วนมากๆ BMI มากกว่า 35 เนื่องจากต้องกำจัดไขมันออกในปริมาณมาก ต้องทำซ้ำหลายครั้งถึงจะเห็นผลชัดเจน จึงแนะนำให้ดูดไขมันมากกว่าครับ
  • ผู้ที่มีผิวช้ำง่าย อาจจะเกิดรอยเขียวช้ำได้จากการที่หัวดูดผิวเพื่อแยกชั้นไขมันขึ้นมา ซึ่งรอยช้ำจะหายไปได้เองภายในระยะเวลา 2- 3 สัปดาห์
  • ใช้เวลาเห็นผลในแต่ละจุดเต็มที่ใช้เวลา 2-3 เดือนหลังทำ อาจมีอาการบวมหลังทำประมาณ 2 สัปดาห์ เนื่องจากเป็นช่วงที่รอให้ร่างกายเรากำจัดเซลล์ไขมันที่ตายแล้วออกไป
  • ราคาค่อนข้างสูง ราคา 8,000-12,000 ต่อ 1 หนีบ (พื้นที่ 1 ฝ่ามือ)

การเตรียมตัวก่อนทำ Coolsculpting

ก่อนทำ Coolsculpting ไม่ต้องมีการเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษครับ สามารถรับประทานอาหาร ดื่มน้ำ ออกกำลังกาย ใช้ชีวิตประจำได้ตามปกติเหมือนก่อนทำ treatment ทั่วไป


ทำ Coolsculpting เจ็บไหม

ในกระบวนการ Coolsculpting ไม่เจ็บครับ แต่จะเจ็บที่สุดคือตอนที่นวดหลังจากแช่แข็งไขมัน (ซึ่งจำเป็นต้องนวดเพื่อให้เซลล์ไขมันที่ถูกแช่แข็งตาย หากไม่นวดจะได้ผลน้อยลง 60% ครับ) หลังนวดอาจมีอาการเขียวช้ำได้ในบางเคส

ทำ Coolsculpting เจ็บไหม

Coolsculpting รีวิว

รีวิวสลายไขมันด้วยความเย็น1

รีวิว Coolsculpting ก่อนและหลังทำลดห่วงยาง หน้าท้อง V Square Clinic

รีวิวสลายไขมันด้วยความเย็น2

รีวิว Coolsculpting ก่อนและหลังทำลดหน้าท้อง V Square Clinic

รีวิวสลายไขมันด้วยความเย็น3

รีวิว Coolsculpting ก่อนและหลังทำลดต้นแขน V Square Clinic

รีวิวสลายไขมันด้วยความเย็น4

รีวิว Coolsculpting ก่อนและหลังทำลดต้นแขน V Square Clinic


อาการหลังทำ Coolsculpting

หลังทำ Coolsculpting จะมีอาการปวดระบมในช่วง 7-10 วัน คล้าย ๆ อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหลังจากออกกำลังกายหนัก ๆ ในจุดที่ทำ Coolsculpting และอาจจะมีอาการบวม ชา หรือคันในจุดที่ทำเล็กน้อยในช่วง 1 เดือนแรกครับ


ทำ Coolsculpting กี่วันเห็นผล

จะเริ่มเห็นผลว่าชั้นไขมันยุบลงเมื่อเวลาผ่านไป 1 เดือน เห็นผลเต็มที่ใช้เวลา 3 เดือน สามารถทำเพิ่มได้ในจุดเดียวกันเมื่อผ่านไป 1 เดือน


สลายไขมันด้วย Coolsculpting ต้องทำกี่ครั้งจึงจะเห็นผล

จากงานวิจัยและพัฒนากว่า 50 งานวิจัย ได้ยืนยันผลว่า การทำ Coolsculpting สามารถลดจำนวนเซลล์ไขมันในชั้นผิวหนังบริเวณที่ทำได้ โดยไขมันลดลงได้ 25% ต่อการทำ 1 ครั้ง และสามารถกลับมาทำซ้ำในจุดเดิมได้ เพื่อให้เห็นผลลัพธ์มากขึ้น

หลังทำการสลายไขมันด้วยความเย็นด้วยเครื่อง Coolsculpting ในช่วง 3-4 สัปดาห์จะเริ่มเห็นผลว่าสัดส่วนเล็กลง เห็นผลเต็มที่ใช้เวลา 3 เดือน ซึ่งในช่วง 1-2 อาทิตย์แรกหลังทำ จะบวมในจุดที่เซลล์ไขมันตายและค้างอยู่ เพราะร่างกายต้องใช้เวลา เพื่อค่อย ๆ ลำเลียงเซลล์ไขมันที่ตายแล้วออกไปตามระบบเลือดและระบบน้ำเหลือง ระยะเวลาในการพักฟื้นเนื่องจากอาการปวดระบมคือ 7-10 วัน


ข้อห้าม และการดูแลตัวเองหลังทำ Coolsculpting

หลังทำ Coolsculpting ไม่มีข้อห้ามหรือข้อปฏิบัติใดที่เคร่งครัดครับ สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ หลังทำอาจมีอาการบวม คัน ชา หรือแสบบริเวณที่ทำได้เป็นปกติ จะค่อย ๆ หายได้เองใน 2 สัปดาห์ครับ

และแนะนำว่า ถ้าหากทำ Coolsculpting ร่วมกับการออกกำลังกายและคุมอาหาร จะทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นได้ครับ


ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังทำ Coolsculpting สลายไขมันด้วยความเย็น

การทำ Coolsculpting ไม่มีผลข้างเคียงที่รุนแรงหรือเป็นอันตรายครับ เพราะระบบของเครื่องมีความเสถียรและได้มาตรฐานระดับสากล และมีระบบที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ Coolsculpting ป้องกันไม่ให้ผิวหนังชั้นบนเย็นจนไหม้ (Freeze detect) ขณะทำครับ

นอกจากนี้ ผลข้างเคียงอื่นที่สามารถเกิดได้แต่มีโอกาสเกิดน้อยมาก (อัตรา 1:20,000 เคส) ได้แก่

  • การเกิด paradoxical adipose hyperplasia คือก้อนไขมันใหญ่ขึ้นหลังทำ ไม่ยุบลง ซึ่งหากเกิดกรณีนี้ทางบริษัท Allergan บริษัทผู้ผลิต Coolsculpting มีระบบรับประกัน จะรับผิดชอบแก้ไขให้ฟรีครับ
  • เกิดรอยดำที่ผิวชั่วคราว ซึ่งจะหายไปได้เองใช้เวลาไม่เกิน 6 เดือนครับ

ทำ Coolsculpting แล้วไม่ได้ผล เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง

หากทำ Coolsculpting มาแล้วรู้สึกว่าไม่เห็นผล แนะนำให้พิจารณาดังต่อไปนี้

  1. สัดส่วนหรือรูปร่างของผู้ใช้บริการ มีปริมาณไขมันมากเกินไป พอทำมาแล้วเห็นผลไม่ชัดเจน ไขมันไม่หายไปตามที่คาดหวัง (ซึ่งคลินิกที่ดีแพทย์จะต้องประเมินและแนะนำว่าคนไข้เหมาะกับ Coolsculpting หรือไม่อย่างตรงไปตรงมา)
  2. เครื่อง Coolsculpting ที่ใช้ เป็นของปลอม ของเลียนแบบ ไม่ได้มาตรฐาน นอกจากจะไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง ยังอาจเกิดอันตรายกับผิวได้ด้วยครับ เช่น ผิวไหม้

เปรียบเทียบ Coolsculpting กับการดูดไขมัน

เปรียบเทียบการดูดไขมันและ Coolsculpting

การดูดไขมันเป็นวิธีการลดไขมันสะสมที่ทำกันมายาวนาน เป็นวิธีที่ต้องใช้การผ่าตัดและใช้เวลาการพักฟื้นนาน คนจึงหันมาหาทางเลือกในการลดไขมันวิธีอื่น ๆ กันมากขึ้น ข้อดี ข้อเสียแต่ละวิธีแบ่งออกได้เป็นข้อ ๆ ดังนี้

การดูดไขมัน การทำ Coolsculpting
เหมาะสำหรับผู้ที่มี BMI มากกว่า 35 เพราะต้องกำจัดเซลล์ไขมันในปริมาณมาก เหมาะสำหรับผู้ที่มี BMI น้อยกว่า 35
ผู้ที่มีไขมันสะสมเยอะอาจทำ Coolsculpting ไม่ได้ผล เห็นการเปลี่ยนแปลงน้อย หรือต้องทำหลายครั้ง
เป็นการใช้ท่อเหล็กขนาด 3 mm สอดและขูดเข้า-ออกในชั้นไขมันในทุกแนว ร่วมกับส่งพลังงานต่าง ๆ ตามหลักการของเครื่องที่ใช้ เช่น Ultrasound, RF(Radio frequency), แรงดันน้ำ(แตกต่างกันในเครื่องแต่ละยี่ห้อ) เข้าไปเพื่อทำให้ก้อนไขมันให้เหลวเป็นน้ำ และสามารถดูดออกมาได้ ใช้หัวดูดหนีบชั้นไขมัน แล้วใช้ความเย็น -11°C นาน 35 นาที ทำให้เซลล์ไขมันกลายเป็นน้ำแข็ง และแตกตัว จากนั้นไขมันจะถูกกำจัดออกจากร่างกายตามธรรมชาติ
มีแผล 3-5 mm (ถือเป็นการผ่าตัดเล็ก) ระงับความรู้สึกด้วยการฉีดยาชาปริมาณมากในทุกจุดที่ดูดไขมัน บางเคสอาจใช้การวางยาสลบ ไม่มีรอยแผลหลังทำ ไม่ใช่การผ่าตัด
ไม่ต้องใช้ยาชา ไม่ต้องวางยาสลบ
มีความเสี่ยงที่จะเกิดก้อนไขมันพลัดเข้าไปในเส้นเลือดและไปอุดตัน (Fat embolism) ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต การดูดไขมันควรทำในสถานพยาบาล-โรงพยาบาลที่มีความพร้อมในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินเท่านั้น ไม่มีความเสี่ยงที่รุนแรง มีระบบป้องกันไม่ให้ผิวหนังชั้นบนเย็นจนไหม้(Freeze detect) เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ Coolsculpting

– มีโอกาสเกิด paradoxical adipose hyperplasia คือแทนที่ก้อนไขมันจะยุบลง กลับใหญ่ขึ้น ซึ่งหากเกิดกรณีนี้ทางบริษัท Allergan มีระบบรับประกัน จะรับผิดชอบแก้ไขให้ฟรีครับ (โอกาสเกิดน้อยมาก 1:20,000)

– มีโอกาสเกิดรอยดำที่ผิวชั่วคราว ซึ่งจะหายไปได้เองใช้เวลาไม่เกิน 6 เดือน (โอกาสเกิดน้อยมาก 1:20,000)

ในผู้ที่มีไขมันสะสมมาก BMI>35 สัดส่วนจะยุบลงทันทีหลังทำ เนื่องจากดูดเซลล์ไขมันจำนวนมากออกไป ในปริมาณที่มากกว่าอาการบวม ปวดระบม 2-3สัปดาห์

แต่ในกรณี BMI<35 หลังทำอาการบวมอาจจะมากกว่าปริมาณไขมันที่ถูกดูดออกไป ทำให้ไม่เห็นผลว่ายุบลงทันที จึงต้องรอผลหลังการพักฟื้น 1-2 เดือน และเข้าที่เต็มที่ 3-4 เดือน

หลังทำในช่วง 2 อาทิตย์แรก อาจมีอาการบวมได้ ทำให้เห็นว่าสัดส่วนบวมมากกว่าเดิม เนื่องจากมีก้อนเซลล์ไขมันที่ตายยังตกค้างอยู่ในผิวหนัง ประมาณ 1 เดือนจึงจะเริ่มเห็นว่าสัดส่วนยุบลง ยุบเต็มที่ใช้เวลา 3 เดือน
หลังทำมักจะมีอาการเขียวช้ำมาก มีโอกาสเกิดชั้นผิวที่ไม่เรียบ ไม่สม่ำเสมอจากการสอดท่อดูด และมีรอยแผลหลังทำ โอกาสเขียวช้ำน้อยมาก ไม่มีรอยแผล ผิวจะเรียบเนียนสม่ำเสมอกัน
ราคา 40,000-100,000 บาท ขึ้นกับยี่ห้อเครื่องที่ใช้ในการดูดไขมัน และปริมาณไขมันที่หมอประเมิน ราคา 50,000-120,000 บาท ขึ้นกับรูปทรงสัดส่วนที่คนไข้ต้องการ 1 หนีบ (ประมาณ 1 ฝ่ามือ) ราคาประมาณ 12,000 จะลดไขมันลงได้ 70-80 CC/ครั้ง

หากเป็นผู้ที่มีไขมันไม่มาก BMI น้อยกว่า 35 และผู้ที่ไม่มีเวลาพักฟื้นนาน ๆ หมอแนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงการดูดไขมัน และเลือกใช้วิธีที่ปลอดภัยและไม่ส่งผลเสียในระยะยาวดีกว่าครับ


Coolsculpting กับ Hifu/Ulthera/Thermage/Meso Fat แตกต่างกันอย่างไร

เมโสแฟต เป็นการใช้ตัวยาที่มีฤทธิ์ช่วยเร่งให้ไขมันแตกตัวเข้าไปในชั้นผิวเพื่อฉีดสลายไขมัน ไขมันจะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานและนำไปใช้ในกระบวนการต่าง ๆ จากนั้นจึงถูกขับออกจากร่างกายตามกลไกธรรมชาติครับ ผลลัพธ์ของการฉีดเมโสแฟตจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย และระบบเผาผลาญของแต่ละคนร่วมด้วยครับ โดยส่วนใหญ่จะลดไขมันได้ประมาณ 10% ต่อการฉีด 1 ครั้ง และกลับมาอ้วนอีกได้หากไม่ควบคุมอาหารและออกกำลังกาย

เครื่อง HIFU, Ulthera และ Thermage เป็นเครื่องมือที่เน้นในเรื่องของการยกกระชับมากกว่าการลดไขมัน โดยใช้การส่งคลื่นพลังงานลงไปในชั้นผิว ทำให้เกิดความร้อนและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวแน่น กระชับ และสามารถยิงพลังงานเข้าชั้นไขมันได้ครับ แต่จะไม่สามารถลดไขมันได้เท่ากับการทำ Coolsculpting จึงเหมาะกับการทำบริเวณแก้ม เหนียง หรือช่วยยกกระชับบริเวณที่หย่อนคล้อย หลังทำเห็นผลไม่ถาวร จะอยู่ได้ 6 เดือน ถึง 2 ปี แล้วแต่เครื่องที่ใช้

ส่วนการทำ Coolsculpting เป็นการทำให้เซลล์ไขมันตายด้วยความเย็นที่ทำลายเซลล์ไขมันโดยตรงและเข้าสู่กระบวนการกำจัดไขมันออกจากร่างกายทันที เซลล์ไขมันถูกทำลายอย่างถาวร ไม่มีการเพิ่มจำนวนอีก จึงสามารถหวังผลลัพธ์ของ Coolsculpting ได้มากกว่าการฉีดเมโสแฟต โดยการทำ 1 ครั้ง จะลดเซลล์ไขมันได้ประมาณ 25% ในเวลา 3 เดือน แต่ถ้าหากไม่ควบคุมน้ำหนัก เซลล์ไขมันส่วนที่เหลือก็สามารถเพิ่มขนาด (ไม่เพิ่มจำนวน) และทำให้สัดส่วนในจุดนั้นอ้วนคืนมาได้ แต่ก็ไม่มากกว่าเดิมครับ


ทำ Coolsculpting สลายไขมันด้วยความเย็น ดีไหม

Coolsculpting สลายไขมันด้วยความเย็น เป็นวิธีการลดไขมันที่เห็นผลดีและมีความปลอดภัยสูงครับ เหมาะกับผู้ที่มีไขมันไม่มากและไม่อยากผ่าตัด โดยจะเป็นการกำจัดเซลล์ไขมันได้ถาวร เห็นผลชัดภายใน 3 เดือนครับ


ทำ Coolsculpting แต่ละตำแหน่งใช้กี่หนีบ

ในแต่ละจุดที่ต้องการลดสัดส่วน จะมีพื้นที่ ปริมาณไขมันสะสม และลักษณะของชั้นผิวที่แตกต่างกัน จำนวนที่ใช้หัว Applicator ในการทำ 1 ครั้ง นับเป็น 1 หนีบ ครับ จำนวนหนีบที่ใช้โดยทั่วไปในแต่ละตำแหน่ง มีดังนี้

  • ต้นแขน โดยทั่วไปใช้ข้างละ 1 หนีบ
  • ต้นขา โดยทั่วไปใช้ข้างละ 1หนีบ
  • หน้าท้อง โดยทั่วไปใช้ 2 – 4 หนีบ
  • เอวด้านข้าง โดยทั่วไปใช้ข้างละ 1หนีบ
  • สะโพก โดยทั่วไปใช้ข้างละ 1หนีบ

Coolsculpting ราคา

แต่ละคลินิกที่มี Coolsculpting ให้บริการ ราคาจะไม่แตกต่างกันมากครับ และราคาจะขึ้นกับโปรโมชั่นของแต่ละคลินิก โดยทั่วไป Coolsculpting ราคา 8,000 – 12,000 บาทครับ ซึ่งที่ช่วงราคานี้จะค่อนข้างมั่นใจได้ว่าเป็นเครื่อง Coolsculpting ของแท้ มีการบำรุงรักษาเครื่องตามมาตรฐานครับ

แต่ถ้าเจอโฆษณาการทำ Coolsculpting ที่ราคาถูกมาก ๆ ให้ตั้งข้อสังเกตไว้ก่อนว่า ใช่เครื่อง Coolsculpting ของแท้หรือไม่ อาจจะเป็นเครื่องเลียนแบบหรือเครื่องปลอมได้ครับ ซึ่งค่อนข้างอันตรายหากตัดสินใจผิดเข้าใช้บริการ เพราะระบบการทำงานของเครื่องปลอมมักจะไม่เสถียร ไม่ได้มาตรฐาน ถ้าเครื่องส่งความเย็นในระดับที่ติดลบมากเกินไป หรือนานเกินไปโดยไม่มีระบบเซนเซอร์ตรวจจับความเย็น จะเสี่ยงต่อการเกิด freeze burn (ผิวไหม้จากความเย็น) เกิดแผลเป็นที่รักษาได้ยากครับ


Coolsculpting สลายไขมันด้วยความเย็น ที่ไหนดี

เลือกทำ Coolsculpting ที่ไหนดี ถึงน่าเชื่อถือและปลอดภัย? หมอแนะนำการเลือกคลินิกทำ Coolsculpting ดังนี้ครับ

  • ดูจากความน่าเชื่อถือและมาตรฐานของคลินิก ตรวจสอบได้ว่าต้องมีใบรับรองที่ถูกต้อง
  • สถานที่สะอาด มีพื้นที่ไม่คับแคบ ใช้เครื่อง Coolsculpting ของแท้ที่สามารถตรวจสอบได้
  • ต้องมีแพทย์และ Specialist สำหรับทำ Coolsculpting โดยเฉพาะ มีขั้นตอนการประเมินให้คำปรึกษาก่อนทำ
  • มี Review จากผู้ใช้บริการจริง จากแหล่งที่เชื่อถือได้ 
  • ราคาสมเหตุสมผล หากถูกเกินไปอาจเป็นเครื่องปลอม หรือเลียนแบบได้ครับ

ทำ Coolsculpting ที่ V Square Clinic ดีอย่างไร

  • ใช้เครื่อง Coolsculpting ของแท้จากสหรัฐอเมริกา สามารถตรวจสอบได้ และมีการบำรุงรักษาเครื่องตามมาตรฐาน
  • ดูแลและให้คำแนะนำโดย แพทย์และ Specialist ที่มีประสบการณ์ในการทำ Coolsculpting มานานมากกว่า 3 ปี
  • ห้องที่ทำ Coolsculpting มีขนาดอย่างน้อย 20 ตร.ม. กว้างขวาง ไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด
  • ใช้เก้าอี้ Lazboy รุ่นท็อปรุ่นกว้างพิเศษ เพื่อความสบายสูงสุดของลูกค้าในช่วงเวลาที่ทำหลายชั่วโมง
  • มีเทคนิคพิเศษที่ช่วยให้อาการบวมหลังทำหายไวกว่าปกติ
  • ราคาโปรโมชั่นพิเศษ ราคาสมเหตุสมผล

โปรโมชั่น Coolsculpting ที่ V Square Clinic

ราคาโปรโมชั่น Coolsculpting ที่ V square clinic

โปรโมชั่น สำหรับผู้ติดตาม Line@ และมีสติกเกอร์ “น้อง ดักกี้ V Square” รับของแถมเพิ่มฟรี

1 หนีบ 8,500.- (ปกติ 9,900.-)
2 หนีบ 17,000.- รับของแถม 1 รายการ
4 หนีบ 34,000.- รับของแถม 3 รายการ
6 หนีบ 51,000.- รับของแถม 5 รายการ
10 หนีบ 85,000.- รับของแถม 10 รายการ

ของแถมมูลค่า 2,000 บาท เลือกได้ตามรายการดังนี้

  • วิตามินเสริมภูมิคุ้มกัน 1 ครั้ง
  • มาเด้คอลลาเจน 1 ครั้ง
  • เมโสแฟต Phytobella 6 CC
  • โบท็อกซ์ 15 Unit (Nabota)
  • Hifu Ultraformer lll 50 Line
ราคา Coolsculpting

Q&A Coolsculpting สลายไขมันด้วยความเย็น

สลายไขมันด้วย Coolsculpting ร่วมกับออกกำลังกายและคุมอาหาร จะทำให้เห็นผลชัดเจนขึ้นไหม

หลังทำ Coolsculpting ร่วมกับการออกกำลังกายและคุมอาหาร จะทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ชัดเจนขึ้น เห็นผลไวขึ้นได้ครับ

การสลายไขมันด้วย Coolsculpting ไม่ใช่การลดน้ำหนักครับ ไม่มีผลต่อน้ำหนักตัว แต่เป็นการลดไขมันเฉพาะส่วน ลดไขมันส่วนเกินในจุดที่ลดได้ยาก ช่วยกระชับสัดส่วนครับ

  • Coolsculpting จะไม่เห็นผลทันทีเหมือนการดูดไขมัน ต้องรอเวลา ให้ร่างกายกำจัดเซลล์ไขมันออกไปก่อน
  • ไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการเห็นผลหลังทำทันที เพราะ Coolsculpting ต้องรอให้ไขมันค่อยๆถูกกำจัดออก ใช้เวลา 1-3 เดือน
  • หญิงตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
  • ผู้ที่มีประวัติแพ้ความเย็น เช่น ลมพิษจากความเย็น โรคกลัวความเย็น

สรุป Coolsculpting

วิธีการสลายไขมันด้วยความเย็นด้วยเครื่อง Coolsculpting เป็นวิธีที่ช่วยลดไขมันได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีรอยแผลหลังทำ ไม่ต้องพักฟื้น และมีความปลอดภัยสูง ได้รับการรับรองจาก US-FDA สามารถกำจัดเซลล์ไขมันได้ถาวร เห็นผลภายใน 3 เดือนหลังทำ แต่การทำ Coolsculpting ให้เห็นผลและปลอดภัย จะต้องใช้เครื่องของแท้ และต้องเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน ทำกับแพทย์มีประสบการณ์ จึงจะได้ผลคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายและไม่เสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงครับ


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง Inbox Facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

Banner_Web_หมอให้คำปรึกษา_หมอ34คน

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ สามารถศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัวและจัดการความเป็นส่วนตัว ได้ที่ปุ่มตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า