เทรนด์ปากอวบอิ่มเซ็กซี่ ปากสายฝ. กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทั้งดาราฝรั่งเอเชีย หรือแม้แต่คนดังในบ้านเราต่างก็นิยมรูปปากอวบอิ่มเพื่อเพิ่มความชัดของใบหน้า การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นหัตถการที่ตอบโจทย์ที่สุดครับ เพราะเห็นการเปลี่ยนแปลงหลังทำทันที สามารถปรับแต่งได้ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นนาน
แต่การฉีดฟิลเลอร์ปาก ก็ไม่ได้ฉีดกันง่าย ๆ ครับ ต้องอาศัยประสบการณ์ของแพทย์เป็นอย่างมาก ถึงจะได้รูปปากที่ได้รูปสมส่วนและเข้ากับใบหน้าโดยรวมของคนไข้ ในบทความนี้หมอได้รวบรวมข้อที่ควรรู้เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ปากครั้งแรกมีอะไรบ้าง อันตรายไหม ทำไมบางคนถึงเป็นก้อน เทคนิคการเลือกคลินิก การเลือกแพทย์ ราคาเท่าไหร่ การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์และข้อควรระวังหลังทำ ฉีดแล้วบวมกี่วัน ทุกข้อสงสัยบทความนี้มีคำแนะนำให้ครับ
สารบัญ ฟิลเลอร์ปาก
ฉีดฟิลเลอร์ปาก คืออะไร ?
ฟิลเลอร์ปาก คือการใช้สารไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic acid; HA) ซึ่งมีลักษณะเป็นเนื้อเจลฉีดเข้าไปบริเวณริมฝีปากเพื่อปรับรูปทรงปากให้สวยขึ้น ทำปากกระจับ ลดปัญหาปากบาง เพิ่มเนื้อปากให้มีความอวบอิ่ม เพิ่มความคมชัดของขอบปาก รวมถึงลดรอยย่นเล็ก ๆ ลดปากแห้งแตก เพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากได้ครับ
นอกจากนี้ ฟิลเลอร์ปากยังสามารถทำให้มุมปากดูยกขึ้น แก้ปัญหาปากคว่ำ ปัญหาหน้าบึ้งจากมุมปากที่ดูตกลง โดยใช้เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปาก ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น เปลี่ยนใบหน้าให้ดูยิ้มแย้ม สดใสขึ้นครับ
โดยเทคนิคการฉีด หมอจะเลือกรุ่นฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับปากของคนเอเชียฉีดเข้าไปบริเวณริมฝีปาก โดยเน้นให้ขอบปาก (Vermillion Border) และร่องริมฝีปากบน (Philtrum) คม ชัด สวยงาม และปรับความอวบอิ่ม ปรับรูปทรงปากตามความเหมาะสม ให้รับกับโครงสร้างใบหน้าและต้องการของคนไข้ครับ
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงปาก ต้องการทำปากกระจับ ปากทรงปีกนก หรือผู้ที่ปากไม่เท่ากัน ไม่สมดุล สามารถฉีดปากเพื่อปรับสมดุลได้ครับ
- เหมาะกับผู้ที่มีปากคว่ำ ต้องการยกมุมปาก
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก มีปัญหาทาลิปสติกตกร่องปาก
โครงหน้าคนไทย เหมาะกับปากแบบไหน ?
โครงหน้าคนไทยหรือสาว ๆ เอเชียนั้น ส่วนใหญ่มีรูปหน้าเรียวเล็ก ชั้นตา 1-2 ชั้น จมูกไม่โด่งมาก หรือพูดได้ว่าเครื่องหน้าไม่คมชัดเท่าฝรั่งครับ การฉีดปากให้อวบอิ่ม สายฝอแบบหนา ๆ อาจจะไม่รับกับใบหน้ามากนัก ดูไม่เป็นธรรมชาติ จึงแนะนำให้เติมปากกระจับแบบเทรนด์เกาหลี ญี่ปุ่นมากกว่า เพราะโครงสร้างใบหน้าใกล้เคียงกับคนไทย ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าครับ
แต่ก็ไม่ใช่ว่าคนไทยจะฉีดปากอวบอิ่มไม่ได้ครับ ต้องขึ้นกับโครงหน้าและความต้องการของคนไข้ แนะนำให้เข้ามาตรวจประเมินและปรึกษากับแพทย์อย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อให้ฉีดแล้วคนไข้ยิ้มได้อย่างมั่นใจที่สุดครับ
ตามรูปตัวอย่างจะเห็นว่าทรงปากที่นิยมของฝรั่งจะไม่ค่อยเข้ากับทรงหน้าของคนไทย
โครงหน้าคนไทยส่วนมากจะเหมาะกับทรงปากรูปกระจับมากกว่า
การคำนวณสัดส่วนปากให้รับกับใบหน้า
- ขนาดของริมฝีปาก บน:ล่าง ที่เหมาะสมคือ 1:1.6
- เมื่อมองด้านข้างแล้วลากเส้นจากปลายจมูกลงมาที่คาง ริมฝีปากล่างควรจะแตะเส้นนี้พอดี ส่วนริมฝีปากบนควรจะห่างจากเส้นนี้ 2 mm
- เนื้อริมฝีปากล่างไม่ควรใหญ่เกินขอบเขตของยอดตัว M ของริมฝีปากบน
- มุมปากควรยกขึ้น ไม่ทิ่มลง
- เนื้อปากควรอิ่มเรียบเนียน ไม่มีริ้วรอย
- ขอบรอยต่อระหว่างริมฝีปากกับผิวปกติ ไม่มีริ้วรอย
ฉีดฟิลเลอร์ปากครั้งแรกเตรียมตัวอย่างไร ?
- ศึกษาข้อมูลของการฉีดฟิลเลอร์ปากอย่างละเอียด ว่าฟิลเลอร์ปากเหมาะกับใคร ข้อดี-ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ปากมีอะไรบ้าง รูปทรงปากที่ได้หลังจากฉีดปาก ผลข้างเคียง เวลาพักฟื้น และควรเข้าปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินก่อนตัดสินใจทำ
- ศึกษาคุณสมบัติของฟิลเลอร์แต่ละรุ่น ฟิลเลอร์ปากใช้ฟิลเลอร์รุ่นไหนได้บ้าง แต่ละยี่ห้อได้ผลต่างกันอย่างไร เลือกรูปทรงปากที่ต้องการก่อนทำ
- ศึกษาวิธีตรวจสอบฟิลเลอร์ของแท้ ฟิลเลอร์มีหลายรุ่นหลายยี่ห้อ ควรศึกษาวิธีตรวจสอบฟิลเลอร์ของแท้แต่ละยี่ห้อและขอดูเมื่อมาฉีดที่คลินิก ป้องกันการเกิดปัญหาที่เกิดจากฟิลเลอร์ของปลอม
- เปรียบเทียบราคา เปรียบเทียบราคาของฟิลเลอร์แต่ละรุ่น และราคาโปรโมชั่นของคลินิกต่าง ๆ ไม่ควรเลือกคลินิกที่ตั้งราคาถูกหรือแพงเกินไป ไม่ควรเห็นแก่ของถูก
- ศึกษาข้อมูลของแต่ละคลินิก ว่าควรฉีดปากที่ไหนดี โดยดูจากเว็บไซต์คลินิก การให้ข้อมูลของคลินิกผ่านสื่อโซเชียล ดูรีวิวจากแหล่งที่เชื่อถือได้และรีวิวที่เป็นคลิปวิดีโอ ควรเลือกคลินิกที่ตอบคำถามอย่างละเอียดและสามารถเข้าปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินก่อนตัดสินใจทำได้ฟรี
- ศึกษาวิธีปฏิบัติก่อนและหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดปาก เพื่อลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง พักฟื้นได้ไว และคงผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานขึ้น
ฉีดฟิลเลอร์ปาก อันตรายไหม ?
หลาย ๆ คน กลัวว่าการฉีดฟิลเลอร์ปาก อันตรายไหม? การฉีดฟิลเลอร์ปาก ไม่อันตรายครับ เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย แต่ต้องใช้ฟิลเลอร์ที่เป็น HA ของแท้ และฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงเท่านั้น
เนื่องจากริมฝีปากมีเส้นเลือดฝอยเป็นจำนวนมากมาจากทุกทิศทาง และมีเส้นเลือดหลัก (Labial artery) ที่อยู่ลึกลงไปเพียงเส้นเดียว การเลือกใช้เข็มและเทคนิคการฉีดจึงมีความสำคัญมากครับ โดยเฉพาะผู้ที่เคยผ่าตัดปากมาก่อน เส้นเลือดบางส่วนของคนไข้จะโดนรอยแผลที่เป็นพังผืดปิดกั้น มีความเสี่ยงในการฉีดฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือดมากกว่าเคสปกติ แพทย์จึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมากครับ
ในกรณีเกิดการอุดตันของเส้นเลือดและเป็นฟิลเลอร์แท้ แพทย์จะสามารถฉีดสลายฟิลเลอร์เพื่อแก้ไขได้ครับ ไม่ทำให้เกิดเนื้อตายหรือตาบอด จึงไม่ต้องมีความกังวลในจุดนี้ ดังนั้นจึงควรฉีดฟิลเลอร์ปาก กับแพทย์ที่มีประสบการณ์และไม่ใช้ฟิลเลอร์ปลอมเท่านั้น หากเกิดเหตุสุดวิสัยก็จะสามารถแก้ไขได้อย่างทันท่วงที
ฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นก้อนเกิดจากอะไร ?
หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก แล้วเป็นเป็นก้อน บวม เกิดได้จากหลายสาเหตุครับ ต้องดูว่าฉีดฟิลเลอร์มากี่วันแล้ว เพราะในช่วงแรกหลังฉีด จะมีอาการบวม คลำได้เป็นก้อนหรือเป็นไต ๆ ได้เป็นปกติ ประมาณ 7 – 14 วัน เพราะฟิลเลอร์ยังไม่เข้าที่ดีและบางรายมีอาการบวมเข็มร่วมด้วย แต่กรณีนี้ก็ไม่เรียกว่าฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อนนะครับ
แต่ถ้าฉีด 3 – 4 สัปดาห์แล้วยังเป็นก้อนที่เห็นได้ชัด หรือเกิดเป็นก้อนแข็งเมื่อระยะเวลาผ่านไปเป็นปีหรือฟิลเลอร์เคลื่อนที่ผิดตำแหน่ง กรณีนี้ควรทำการแก้ไขครับ โดยเบื้องต้นให้ดูว่าใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้ออะไร รุ่นไหน เป็นฟิลเลอร์ของแท้ที่มีมาตรฐานหรือไม่ ฝีมือของแพทย์และเทคนิคที่ใช้ในการฉีด รวมถึงการปฏิบัติตัวของคนไข้หลังฉีดครับ
รวมถึงฟิลเลอร์บางรุ่นที่เป็นเนื้อแข็งที่แม้จะใช้ฟิลเลอร์ของแท้ แต่หลังฉีดอาจคลำเป็นก้อนได้หลายเดือน โดยไม่ใช่อาการผิดปกติครับ
อ่านบทความเพิ่มเติม : ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา บวมกี่วัน?
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ปาก
- ควรนัดเข้ามาปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ปาก เพื่อให้หมอประเมินรูปปากที่เหมาะสมกับใบหน้าและความต้องการของคนไข้ เลือกรุ่นฟิลเลอร์ที่ใช้ รวมถึงปรึกษางบประมาณก่อนทำ
- ทำความสะอาดริมฝีปากในจุดที่ฉีด ลบลิปสติก เพื่อความสะอาดและปลอดภัยครับ
- ก่อนเริ่มฉีดฟิลเลอร์ ตรวจสอบว่าเป็นของแท้ ควรให้หมอแกะกล่องฟิลเลอร์ให้ดูต่อหน้า และตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นของแท้จริงๆ ครับ
- ฉีดฟิลเลอร์โดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ 5-10 ปี
- แปะยาชาและประคบน้ำแข็งก่อนฉีดฟิลเลอร์ เพื่อช่วยลดความเจ็บจากเข็ม แต่ในเนื้อฟิลเลอร์บางรุ่นจะมียาชาผสมอยู่แล้วก็จะช่วยลดความเจ็บจากเข็มได้ด้วยเช่นกันครับ
- หมอแนะนำวิธีดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ หลังจากฉีดฟิลเลอร์เรียบร้อยแล้วหมอจะแนะนำวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อรักษาให้ฟิลเลอร์เข้าที่และอยู่ได้นานขึ้นครับ
- หลังฉีดฟิลเลอร์มีการนัดติดตามผลหลังทำทุกเคส
วิธีดูแลหลังจากฉีดฟิลเลอร์ปาก
ปาก เป็นจุดที่มีการขยับบ่อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ เพราะต้องใช้ทั้งการพูดและการรับประทานอาหาร การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปากทำได้ไม่ยากครับ โดยปฏิบัติได้ง่าย ๆ ดังนี้
- หลังฉีดห้ามนวด คลึง และหลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ปาก
- ควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มร้อนๆ เป็นเวลา 14 วัน (ถ้าทำไม่ได้ควรงดอย่างน้อย 48 ชั่วโมง) เพราะอาจเกิดทำให้ปากเกิดอาการบวมหรืออักเสบได้ง่ายขึ้น
- งดการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังหนักๆ ที่จะทำให้ปากเสียรูปทรง 3 วัน
- ห้ามดึงหรือลอกหนังริมฝีปาก เพราะจะเป็นการทำลายผิวริมฝีปาก ทำให้ผิวเก็บกักน้ำและความชุ่มชื้นไว้ได้น้อยลง
- ใน 12 ชั่วโมงแรก ควรงดการใช้หลอดดูดน้ำ งดทาลิปสติกและงดสูบบุหรี่
- แนะนำให้ดื่มน้ำมาก ๆ ช่วยให้ฟิลเลอร์ฟูขึ้น และอยู่ได้นานขึ้น ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อเพิ่มการอุ้มน้ำของฟิลเลอร์
เคสนี้ก่อนทำมีรูปปากบาง ไม่เป็นทรง หลังฉีดฟิลเลอร์ปากจะเห็นว่าปากอวบอิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และหมอได้ฉีดปรับรูปทรงปากให้เป็นกระจับสวยขึ้น
เคสนี้ก่อนทำมีเนื้อปากไม่บาง ไม่หนาเกินไป หมอแนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ปากเพื่อเพิ่มความอวบอิ่มเล็กน้อย และให้เป็นทรงกระจับสวยมากขึ้น
รีวิวปากกระจับ ปรับรูปทรงปากกระจับ
เคสนี้มีความกังวลเรื่องเนื้อปากไม่เท่ากันจากการประสบอุบัติเหตุ หมอจึงทำการเติมฟิลเลอร์ปากให้ดูสมดุลกันมากขึ้น คนไข้มีความมั่นใจมากขึ้น
เคสนี้มีริมฝีปากบาง แห้ง มีร่องตามริมฝีปาก หมอจึงฉีดฟิลเลอร์ปากเพื่อเพิ่มความอวบอิ่มเล็กน้อยอย่างเป็นธรรมชาติ ดูชุ่มชื้นไม่แห้งแตก มุมปากยกขึ้น
Q&A ฟิลเลอร์ปาก
หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก อาจมีอาการบวมได้เป็นปกติ จะค่อย ๆ หายบวมประมาณ 4-5 วัน และการฉีดฟิลเลอร์ปากจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนเข้าที่ ประมาณ 1-2 สัปดาห์ครับ
ฟิลเลอร์ปากเจ็บเล็กน้อยครับ หมอจะพิจารณาฉีดยาชาเป็นรายเคส และฟิลเลอร์ก็มียาชาผสมอยู่ด้วยจึงช่วยลดความเจ็บระหว่างฉีดได้
ฟิลเลอร์ปาก ถ้าฉีดด้วยฟิลเลอร์แท้ แล้วต้องการเติมฟิลเลอร์ให้อวบอิ่มขึ้น สามารถฉีดเพิ่มได้โดยไม่ต้องสลายฟิลเลอร์เดิมออกครับ นอกจากนี้หากฉีดมาแล้วไม่ชอบ ก็สามารถฉีดสลายด้วย Hyaluronidase ได้โดยไม่เป็นอันตรายครับ
ในแต่ละยี่ห้อและรุ่นฟิลเลอร์ จะมีเนื้อฟิลเลอร์ ความเข้มข้นของ HA ขนาดโมเลกุล ค่าความคงตัว ความยืดหยุ่น การอุ้มน้ำแตกต่างกัน ส่งผลให้ผลลัพธ์ในการฉีดฟิลเลอร์ปากแตกต่างกัน โดยฟิลเลอร์รุ่นที่แนะนำสำหรับฉีดริมฝีปาก มีดังนี้
- Restylane Kysse (อยู่ได้ 12 เดือน) เป็นฟิลเลอร์ที่ออกแบบมาสำหรับการฉีดริมฝีปากโดยเฉพาะ เนื้อละเอียดแต่มีความคงตัว เหมาะกับการฉีดให้ขอบปากชัด อวบอิ่มขึ้น
- Restylane Refyne (อยู่ได้ 12 เดือน) เนื้อเจลมีลักษณะยืดหยุ่น สามารถเติมเต็มให้ปากอวบอิ่มขึ้นได้ ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ
- Restylane Volyme (อยู่ได้ 18 เดือน) เนื้อนิ่มปานกลาง และมีความยืดหยุ่นสูง อุ้มน้ำ ฉีดแล้วดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน
- Restylane Vital light (อยู่ได้ 6-12 เดือน) เนื้อนิ่ม อุ้มน้ำ ช่วยแก้ไขริมฝีปากแห้งได้ดี ทำให้ผิวปากชุ่มชื้น โดยไม่ต้องการเพิ่มความอวบอิ่มมาก
- Juvederm Volift (อยู่ได้ 12 เดือน ) มีความละเอียด ยืดหยุ่นสูง ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน
- Juvederm Volite (อยู่ได้ 8-12 เดือน) เนื้อละเอียด ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้ผิวปากชุ่มชื้น และอวบอิ่มขึ้นเล็กน้อย
- Juvederm Ultra Plus (อยู่ได้ 12 เดือน) เนื้อนิ่มและฟูมาก เหมาะกับคนที่ต้องการปากอวบอิ่มแบบฝรั่ง
- Juvederm Voluma (อยู่ได้ 18 เดือน) เนื้อแข็ง แน่น ฟูปานกลาง อยู่ได้นานที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปากอวบอิ่มและอยู่ได้นาน
อ่านบทความเพิ่มเติม : วิธีดูฟิลเลอร์แท้แต่ละยี่ห้อ Juvederm / Restylane / Belotero ต้องสังเกตอย่างไร?
สรุป ฟิลเลอร์ปาก
ฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นวิธีที่ใช้ปรับรูปทรงปากได้หลายแบบ เช่น เพิ่มความอวบอิ่มของปาก ทำปากกระจับ ยกมุมปาก และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ปากลดปากแห้งลอก หากฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์และมีเทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง ใช้ฟิลเลอร์ที่เป็น Hyaluronic acid แท้ก็จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัยครับ
สำหรับผู้ที่สนใจฉีดฟิลเลอร์ปาก หรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถส่งรูปมาให้หมอช่วยประเมินรูปปากและปรึกษาปัญหาที่อยากแก้ไขก่อนได้ครับ หมอจะช่วยแนะนำฟิลเลอร์รุ่นที่เหมาะสมทรงปาก และความต้องการของแต่ละคน ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ
สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง Inbox Facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ
