ริ้วรอยใต้ตา
ริ้วรอยใต้ตา คือ หนึ่งในปัญหาที่สร้างความไม่มั่นใจให้ใครหลายคน ยิ่งเวลายิ้มยิ่งเห็นริ้วรอยชัดเจน ทำให้ใบหน้าดูโทรม ไม่สดใส ดูมีอายุก่อนวัย และหากปล่อยไว้อาจทำเกิดริ้วรอยร่องลึก ร่องใต้ตา ถุงใต้ตาที่ยากจะแก้ไข จึงควรรีบหาสาเหตุและทำการรักษาครับ
ริ้วรอยใต้ตา เกิดจากอะไร ? มีวิธีการรักษาอย่างไร ? ควรดูแลตัวเองอย่างไรหลังรักษา ? มีวิธีดูแลตัวเองอย่างไรเพื่อชะลอการเกิดริ้วรอยใต้ตา รวมถึงเลือกรักษาริ้วรอยใต้ตา ที่ไหนดี ให้ปลอดภัยและเห็นผลชัดเจน ติดตามอ่านได้ในบทความนี้ครับ
สารบัญ ริ้วรอยใต้ตา
ริ้วรอยใต้ตา คืออะไร ?
ริ้วรอยใต้ตา (Under-Eye Wrinkle) คือ ปัญหาใต้ตาที่พบได้มากในคนที่เริ่มมีอายุ โดยสามารถเริ่มพบได้ตั้งแต่ในช่วงอายุ 25 ปีเป็นต้นไปครับ เพราะเป็นช่วงอายุที่การสร้างคอลลาเจนเริ่มลดลง ทำให้ผิวของเราเริ่มมีการสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิว ส่งผลให้ผิวขาดความชุ่มชื้นและบางลง จนเกิดเป็นริ้วรอยแห่งวัย
เนื่องจากบริเวณใต้ตามีความบอบบาง จึงเป็นจุดแรก ๆ ที่เริ่มเห็นริ้วรอยได้ง่ายกว่าบริเวณอื่น ซึ่งจะเห็นเป็นรอยย่นใต้ตา รอยตีนกา ร่องลึกใต้ตา แต่ทั้งนี้ในคนที่อายุน้อยก็สามารถเจอปัญหานี้ได้ก่อนวัยอันควรครับ ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยภายนอกอื่น ๆ อย่างพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน
สามารถแบ่งริ้วรอยใต้ตาได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่
- ริ้วรอยคงที่ (Static lines) คือ ริ้วรอยที่เห็นชัดได้แม้จะไม่ได้แสดงสีหน้า เกิดจากการที่ผิวขาดความชุ่มชื้น สูญเสียคอลลาเจนและอีลาสตินเมื่อมีอายุมากขึ้น
- ริ้วรอยที่เห็นเวลาแสดงสีหน้า (Dynamic lines) คือ ริ้วรอยที่เห็นเมื่อมีการแสดงสีหน้า เช่น ยิ้ม หัวเราะ เกิดจากการที่ใบหน้ามีการเคลื่อนไหวที่เดิมซ้ำ ๆ ทำให้เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้ออย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกิดได้ในทุกเพศทุกวัย โดยริ้วรอยประเภทนี้สามารถพัฒนาเป็น Static lines ได้ในอนาคต
ริ้วรอยใต้ตา เกิดจากอะไร ?
1. อายุมากขึ้น
เมื่อมีอายุมากขึ้น ร่างกายผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินได้น้อยลง ทำให้ผิวบางลง ขาดความยืดหยุ่น เกิดรอยเหี่ยวย่นใต้ตาได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีการทรุดตัวของไขมันและกระดูกตามวัย ทำให้ผิวหย่อนคล้อย เกิดเป็นริ้วรอยใต้ตา ร่องใต้ตา ถุงใต้ตา นับว่าเป็นสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดริ้วรอยใต้ตาและไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ครับ
2. แสงแดด รังสี UV
แสงแดดมีรังสี UV ที่เป็นตัวการทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิวให้เสื่อมสภาพลงโดยเฉพาะรอบดวงตาที่มีความบอบบางกว่าบริเวณอื่น ๆ และยังทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของไฮยาลูรอนในการกักเก็บความชุ่มชื้นได้น้อยลง ส่งผลให้ผิวแห้งกร้าน และเกิดริ้วรอยใต้ตาได้ก่อนวัย
3. การสูบบุหรี่
การสูบบุหรี่ นอกจากจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ปากแห้งปากดำได้แล้ว ยังทำให้เกิดริ้วรอยใต้ตาด้วยครับ เพราะในบุหรี่มีสารนิโคตินทำให้หลอดเลือดหดตัว ส่งผลให้อีลาสติน คอลลาเจน วิตามิน และสารอาหารผิวต่าง ๆ เข้าไปเลี้ยงเนื้อเยื่อใต้ที่ชั้นผิวได้น้อยลง เป็นผลให้เกิดริ้วรอยได้ไม่ว่าจะบริเวณใต้ตาหรือบริเวณอื่น ๆ
4. สภาพแวดล้อม
สภาพแวดล้อมเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอยใต้ตาได้ครับ เช่น การอยู่ในที่ ๆ มีอากาศเย็นมาก ๆ หรือการเจอมลภาวะที่เป็นพิษ มีฝุ่นควันอยู่เป็นประจำ ส่งผลให้ผิวขาดความชุ่มชื้น และผิวแห้งได้ง่าย จนเกิดเป็นริ้วรอยใต้ตา และปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมาได้ครับ
5. โรคภูมิแพ้
โรคภูมิแพ้ นอกจากจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ใต้ตาคล้ำ ใต้ตาดำ แล้วยังทำให้เกิดริ้วรอยใต้ตาได้ โดยในคนที่เป็นโรคภูมิแพ้มักมีอาการคัน ระคายเคืองที่ดวงตาอยู่เป็นประจำ จึงทำให้อาจเผลอขยี้ตา เมื่อทำบ่อยๆ ก็จะทำให้เกิดเป็นริ้วรอยใต้ตาครับ
6. พฤติกรรมการใช้ชีวิต
การแสดงสีหน้าท่าทางซ้ำ ๆ เช่น ยิ้มแบบตาหยี หัวเราะ ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอยหางตา รอยตีนกาได้ครับ หรือแม้แต่การนอนหันข้าง นอนคว่ำหน้า อาจทำให้เกิดการกดทับของผิวบริเวณดวงตา ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอยตีนกาได้ไวกว่าที่ควรจะเป็น
วิธีการรักษา เพื่อลดริ้วรอยใต้ตา มีอะไรบ้าง ?
ปัจจุบันมีวิธีลดริ้วรอยใต้ตาให้เลือกหลากหลายวิธี โดยหมอจะแนะนำเป็นวิธีทางการแพทย์ที่เห็นผลได้ค่อนข้างเร็วกว่าการทาครีมหรือการทาเซรั่มเพื่อลดริ้วรอยใต้ตาครับ
1. ฟิลเลอร์ใต้ตา
การลดริ้วรอยใต้ตาด้วยฟิลเลอร์ใต้ตา คือ การฉีดสารเติมเต็ม Hyaluronic acid (HA) เพื่อเติมเต็มร่องลึก ริ้วรอยใต้ตาในส่วนของกระดูกที่ทรุดตัวลงไป ช่วยให้ร่องลึกใต้ตาเต็มขึ้น ริ้วรอยหางตา รอยตีนกาหายไป รวมถึงฟิลเลอร์ยังมีคุณสมบัติที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ช่วยให้ผิวรอบดวงดูอิ่มฟู เต่งตึง ชะลอการเกิดริ้วรอยได้ครับ
ผลลัพธ์หลังการรักษา : หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ได้ทันที ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น โดยผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่น/ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ใช้ เมื่อฟิลเลอร์สลายหมดแล้วสามารถกลับมาฉีดใหม่ได้โดยไม่มีผลข้างเคียงอันตราย
2. โบท็อกริ้วรอยใต้ตา
โบท็อกริ้วรอยใต้ตา คือ การฉีดสาร Botulinum Toxin Type A เป็นสารที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว ส่งผลให้ริ้วรอยใต้ตาดูจางลง โดยจะเห็นผลได้ชัดเจนกับริ้วรอยประเภท Dynamic lines ที่เกิดจากการแสดงสีหน้าซ้ำ ๆ หรือริ้วรอย Static lines ที่พัฒนามาจาก Dynamic lines
ผลลัพธ์หลังการรักษา : หลังฉีดโบท็อกริ้วรอยใต้ตาจะเห็นผลภายใน 5-7 วัน โดยเห็นผลได้อย่างเต็มที่ประมาณ 14 วันหลังทำ และผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกที่ใช้
เมื่อโบท็อกหมดฤทธิ์สามารถกลับมาฉีดใหม่เพื่อคงสภาพผลลัพธ์ไว้ครับ แต่ควรเว้นระยะห่างหลังฉีดจากครั้งล่าสุดอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการดื้อยาโบท็อกซ์ในอนาคต
3. Hifu ใต้ตา
Hifu ใต้ตา เป็นวิธีการยกกระชับผิวด้วยคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความถี่สูง หมอจะทำการใช้หัวยิงความลึกระดับ 1.5-2.0 mm ปล่อยพลังงานไปยังผิวบริเวณรอบดวงตาที่มีริ้วรอย เพื่อทำให้เกิดความร้อนใต้ชั้นผิว ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อใหม่ ส่งผลให้ผิวกระชับขึ้น มีความเต่งตึง ริ้วรอยเล็ก ๆ ใต้ตาลดลง โดยวิธีนี้จะเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยใต้ตาในระดับน้อย ไม่เยอะมากครับ
ผลลัพธ์หลังการรักษา : ผลลัพธ์จากการทำ Hifu ใต้ตาเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีประมาณ 20% หลังทำ และจะเห็นผลเต็มที่ 3-4 เดือนหลังทำ โดยผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานประมาณ 5-6 เดือน
4. Ulthera ใต้ตา
การทำ Ulthera ยกกระชับผิว ลดริ้วรอยใต้ตา เป็นการใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความถี่สูงเช่นกัน หลักการคล้ายกับการทำ Hifu แต่ Ulthera จะมีจุดพลังงานความร้อนที่ขนาดใหญ่กว่า ทำให้ยกกระชับได้มีประสิทธิภาพมากกว่าและอยู่ได้นานกว่าครับ
นอกจากนี้ยังมีหน้าจอแสดงถึงปัญหาใต้ชั้นผิวแบบ Real time ทำให้หมอมองเห็นถึงปัญหาในทุกชั้นผิว สามารถออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล ผลลัพธ์ออกมาตรงตามความต้องการ มีความปลอดภัยสูง
ผลลัพธ์หลังการรักษา : หลังทำสามารถเห็นผลได้ทันที 30% ครับ และจะเห็นผลได้อย่างเต็มที่หลังทำ 2-3 เดือน ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 1 ปี
5. Thermage ใต้ตา
Thermage (เทอร์มาจ) เป็นวิธีสลายไขมัน ยกกระชับผิว ด้วยการใช้คลื่นเสียงวิทยุความถี่สูง (Monopolar RF) ยิงลงไปในชั้นผิวได้ถึงชั้นผิวไขมัน ทำให้ผิวเกิดการหดตัว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ช่วยให้ผิวดูเต่งตึง ริ้วรอยใต้ตา รอยตีนกาจางลง
สำหรับการลดริ้วรอยรอบดวงตา หมอจะใช้เป็นหัว Eye Tip 0.25 cm2 (หัวสีเขียว) ใช้ยกกระชับผิวบริเวณเปลือกตา และบริเวณรอบดวงตาโดยเฉพาะ ซึ่งจะเป็นคนละแบบกับที่ใช้ยกกระชับใบหน้า
ผลลัพธ์หลังการรักษา : หลังทำ Thermage สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำประมาณ 20% และจะเห็นผลได้เต็มที่หลังทำประมาณ 2-3 เดือน โดยผลลัพธ์คงอยู่ได้นาน 1-2 ปี
6. เมโสหน้าใส
การฉีดเมโสหน้าใส เหมาะกับผู้ที่ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้นจนเกิดเป็นริ้วรอยใต้ตาครับ โดยตัวยาของเมโส มีส่วนประกอบของคอลลาเจน แร่ธาตุ และอาหารผิวหลากหลายชนิด เมื่อฉีดเมโสเข้าไปจะช่วยเพิ่มคอลลาเจนและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวดูฟู และชะลอการเกิดริ้วรอยใต้ตาในอนาคต โดยเมโสหน้าใสเหมาะกับผู้ที่ทำหัตถการลดริ้วรอยใต้ตาอื่นมาก่อนแล้ว และต้องการเสริมผลลัพธ์ให้ดียิ่งขึ้นและอยู่ได้นานขึ้น
ผลลัพธ์หลังการรักษา : เห็นผลได้ประมาณ 3 วันหลังฉีด และจะเห็นผลได้อย่างเต็มที่ประมาณ 7-14 วัน แนะนำให้ควรฉีดอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ในช่วง 1 เดือนแรก และหลังจากนั้นควรฉีดทุก ๆ 2 อาทิตย์เพื่อคงสภาพผิวที่ดีไว้
7. Rejuran ลดริ้วรอยใต้ตา
ลดริ้วรอยใต้ตาด้วยการฉีดรีจูรัน จัดเป็นการฉีดเมโสหน้าใส ตัวยามีส่วนประกอบหลักจาก Polynucleotide (โพลีนิวคลีโอไทด์) บริสุทธิ์เข้มข้น 2% ที่สกัดมาจาก DNA ปลาแซลมอน มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูและสร้างเซลล์ใหม่ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเส้นใย fibrolast ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น ลดเลือนริ้วรอย รวมถึงปรับสภาพผิวให้ดูโกลว ฉ่ำวาว
ผลลัพธ์หลังการรักษา : การฉีดรีจูรันจะเห็นผลหลังทำ 3-5 วันว่าผิวเรียบเนียนและชุ่มชื้นขึ้น และจะใช้เวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์ถึงเห็นผลลัพธ์ว่าริ้วรอยใต้ตาตื้นขึ้น ผิวเต่งตึงขึ้นได้ชัดเจน โดยแนะนำว่าควรฉีดจำนวน 4 ครั้ง ห่างกัน 2-3 สัปดาห์ เพื่อให้ผิวดูอ่อนเยาว์ สวยฉ่ำวาวอย่างต่อเนื่อง และชะลอการเกิดริ้วรอยใต้ตาในอนาคต
8. Sculptra ลดริ้วรอยใต้ตา
Sculptra เป็นนวัตกรรมความงามฟื้นฟูผิว ลดเลือนริ้วรอยใหม่ล่าสุดที่มาในรูปแบบของสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน โดยมีสารประกอบหลักคือ PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ผลิตจากสารธรรมชาติ สังเคราะห์จากพืช ไม่ตกค้างในร่างกาย มีความปลอดภัย
Sculptra ใช้หลักการทำงานของเม็ดเลือดขาวชื่อว่า แมคโครฟาจ (Macrophage) ในการกำจัดเซลล์ที่ตายหรือเสื่อมสภาพ ช่วยฟื้นฟูได้ถึงผิวชั้นลึก และกระตุ้นเซลล์ที่ชื่อว่าไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ทำให้เกิดคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ตามธรรมชาติได้ถึง 66.5% เป็นผลให้ผิวยกกระชับ เต่งตึง ริ้วรอยใต้ตาดูจางลง รวมถึงชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร
ผลลัพธ์หลังการรักษา : หลังฉีดจะเห็นการเปลี่ยนแปลงประมาณภายใน 2-3 สัปดาห์ เห็นผลได้ชัดเจน 1-3 เดือนหลังทำ และผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานประมาณ 2 ปี
9. PRP ใต้ตา
การทำ PRP (Platelet Rich Plasma) เป็นวิธีรักษาปัญหาใต้ตาคล้ำ ริ้วรอยใต้ตาด้วยการนำเลือดของตัวเองประมาณ 20 cc นำไปปั่นเพื่อแยกเซลล์ให้ได้เกล็ดเลือดที่มีความเข้มข้นสูง นำมาฉีดเข้าใบหน้าเพื่อฟื้นฟูเซลล์ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส ริ้วรอยใต้ตาตื้นขึ้น ดูจางลง
PRP เป็นวิธีที่มีความปลอดภัย เนื่องจากเป็นการใช้เกล็ดเลือดของตัวเอง จึงมีความเสี่ยงในการเกิดโอกาสแพ้ได้น้อยมากครับ แต่จะไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง โรคที่มีความผิดปกติของเกล็ดเลือด หรือมีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด จะไม่สามารถทำได้ หรือหากมีโรคประจำตัวอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำครับ
ผลลัพธ์หลังการรักษา : หลังฉีดใช้เวลาประมาณ 3 เดือนในการเห็นผลชัดเจน และต้องทำอย่างต่อเนื่องเดือนละ 1 ครั้ง อย่างน้อย 3-5 เดือนติดต่อกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนครับ
10. ฉีดไขมันใต้ตา
การฉีดไขมันใต้ตา คือ การนำไขมันส่วนเกินของตัวเองจากบริเวณอื่นในร่างกาย เช่น หน้าท้อง สะโพก ต้นขา นำไปปั่นและสกัดออกเป็นสเต็มเซลล์ผสมกับเนื้อเยื่อไขมัน และนำมาฉีดเพื่อเติมเต็มริ้วรอยใต้ตา เบ้าตาลึก ขอบตาดำ
ผลลัพธ์หลังการรักษา : หลังฉีดไขมันใต้ตาผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 1 ปีขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองและเทคนิคของผู้ฉีด แต่ในบางเคสอาจไม่ได้เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ เพราะมีโอกาสที่ร่างกายจะนำไขมันส่วนนั้นไปใช้ก่อน จึงอาจต้องทำหลายครั้งถึงเห็นผล หรือในบางเคสเห็นผลได้แค่ประมาณ 3-4 เดือนครับ
หลังรักษาแล้ว จะกลับมาเกิดริ้วรอยใต้ตาอีกไหม ?
หลังรักษาแล้วถ้าเป็นริ้วรอยใต้ตาประเภท Dynamic lines ที่เกิดจากการแสดงสีหน้า มีโอกาสที่จะหายไปได้ครับ ถ้าผิวกลับมามีความชุ่มชื้น มีคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิวเพียงพอ
แต่ถ้าเป็นริ้วรอยใต้ตาประเภท Static lines จะไม่สามารถลบริ้วรอยนั้นให้หายไปได้ 100% โดยถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ริ้วรอยใต้ตาสามารถกลับมาเกิดขึ้นใหม่ได้ แต่อาจจะไม่รุนแรงเท่าก่อนการรักษาและริ้วรอยใต้ตาเกิดได้ช้าขึ้นครับ
ทั้งนี้ถ้าหากละเลยการดูแลตัวเอง หรือทำพฤติกรรมทำร้ายผิวอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยประเภทไหนก็สามารถทำให้กลับมาเกิดริ้วรอยใต้ตาใหม่ได้ไวและเห็นได้ชัด
การดูแลตัวเองหลังจากการรักษา เพื่อลดริ้วรอยใต้ตา
เพื่อผลลัพธ์การรักษาที่ดียิ่งขึ้น การดูแลตัวเองหลังทำเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย โดยควรหมั่นเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าผิวรอบดวงตา เช่น การทาครีมบำรุง เซรั่ม การพักผ่อนให้เพียงพอ รวมถึงปฏิบัติตามวิธีการดูแลตัวเองของแต่ละหัตถการ เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนและอยู่ได้นาน
ดูแลตัวเองอย่างไร เพื่อป้องกันและชะลอการเกิดริ้วรอยใต้ตา
ถึงแม้ว่าสาเหตุหลัก ๆ ของการเกิดริ้วรอยใต้ตา คือ การที่อายุมากขึ้น ผิวขาดความชุ่มชื้น แต่ก็ยังเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ได้เช่นกัน เช่น พฤติกรรมการใช้ชีวิต การนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ จึงทำให้ริ้วรอยใต้ตาสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัยหากไม่ได้มีการดูแลตัวเอง
ดังนั้นทางที่ดีเราควรเริ่มต้นดูแลตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อยหรือตอนที่ยังไม่เกิดริ้วรอย เพื่อป้องกันและชะลอการเกิดริ้วรอยใต้ตาในอนาคต ดังนี้ครับ
วิธีดูแลตัวเอง เพื่อป้องกันการเกิดริ้วรอยใต้ตา ก่อนวัยอันควร
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อย 1.5-2 ลิตร/วัน เพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ
- บำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ด้วยการมาส์กใต้ตา การทาอายครีมเป็นประจำยังช่วยแก้ปัญหาใต้ตาหมองคล้ำได้อีกด้วยครับ
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ จะช่วยให้ผิวได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน ช่วยบำรุงผิวพรรณให้มีสุขภาพดี
- สวมหมวก ใส่แว่นกันแดด และทาครีมกันแดดที่มี SPF สูง เมื่อต้องออกกลางแจ้ง เพื่อป้องกันการโดนรังสี UV จากแสงแดดทำร้ายผิว
- หลีกเลี่ยงการขยี้ตา เพราะบริเวณใต้ตามีความบอบบางจึงเกิดริ้วรอยได้ค่อนข้างง่ายกว่าบริเวณอื่น
- ปรับเปลี่ยนท่านอน โดยควรนอนหงาย เพื่อไม่ให้เกิดการกดทับผิวบริเวณใบหน้า
- เปิดแอร์ในอุณหภูมิที่เหมาะสม ไม่หนาวจนเกินไป เพื่อไม่ให้อากาศแห้งจนทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น แห้งกร้าน
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ และอาหารที่มีน้ำตาลสูง
- พักผ่อนให้เพียงพอ นอกจากดีต่อสุขภาพแล้ว ยังช่วยให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนินซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ผิวจากภายใน และกระตุ้นเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวให้ผิวดูอ่อนเยาว์
ส่วนใครที่กำลังประสบปัญหาริ้วรอยใต้ตาอยู่ สามารถเริ่มกลับมาดูแลตัวเองตามข้อควรปฏิบัติข้างต้นเพื่อให้ริ้วรอยใต้ตาดีขึ้น ไม่แย่ลงไปกว่าเดิมครับ
ลดริ้วรอยใต้ตา ที่ไหนดี ?
การลดริ้วรอยด้วยวิธีทางการแพทย์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา โบท็อกซ์ ไฮฟู จะลดริ้วรอยใต้ตาที่ไหนดี ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ โดยสามารถพิจารณาได้ดังนี้
- คลินิกที่ได้มาตรฐาน มีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล 11 หลักที่ได้รับรองจากกระทรวงสาธารณสุขอย่างถูกกฎหมาย คลินิกตั้งอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวก ภายในคลินิกมีความสะอาด ปลอดเชื้อ แบ่งสัดส่วนชัดเจน มีอุปกรณ์และเครื่องมือการทำหัตถการพร้อมใช้งาน
- ใช้เครื่องมือ/ผลิตภัณฑ์ของแท้ ก่อนใช้บริการหรือทำหัตถการควรตรวจสอบเครื่องมือหรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ เช่น เครื่อง Hifu ฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ เมโส ว่าเป็นของแท้ นำเข้าอย่างถูกต้องหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจน
- แพทย์มีประสบการณ์การปรับรูปหน้า และมีใบประกอบวิชาชีพถูกต้อง พร้อมให้คำปรึกษา ประเมินรูปหน้าและปัญหา และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดของแต่ละคน
- มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง มีรีวิวก่อน-หลังทำของแต่ละหัตถการที่เห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน และมีหลากหลายเคส รวมถึงมีรีวิวความคิดเห็นในแง่บวกจากผู้ใช้บริการจริงทั้งในเรื่องการให้บริการและความพึงพอใจในผลลัพธ์ที่ได้หลังทำ โดยอาจดูได้จากความคิดเห็นทาง social หรือแบบปากต่อปาก
สรุป
ริ้วรอยใต้ตา ในปัจจุบันมีการรักษาอยู่หลายวิธีที่เห็นผลดีและเห็นผลไว สำหรับใครที่ต้องการเห็นผลทันทีหลังทำและไม่มีเวลาพักฟื้น การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นวิธีการรักษาที่ตรงจุด ซึ่งถ้าใครกลัวเข็ม หรือต้องการรักษาด้วยหัตถการอื่น สามารถทัก Inbox เข้ามาปรึกษาหมอก่อนได้ว่าควรเลือกรักษาริ้วรอยใต้ตาด้วยวิธีไหนที่จะเหมาะสมกับปัญหาและความต้องการของเรามากที่สุด ปรึกษาฟรีครับหมอตอบเอง