ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี หนึ่งในคำถามยอดฮิตของผู้ที่สนใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ซึ่งเป็นจุดแรก ๆ ที่หมอมักแนะนำให้ทำ สำหรับคนที่ต้องการแก้หน้าโทรม แก้ไขความหย่อนคล้อย เพราะเป็นจุดที่สังเกตเห็นได้ง่าย หากเกิดความหย่อนคล้อย เป็นร่องใต้ตา ถุงใต้ตา หรือมีรอยคล้ำ ก็จะส่งผลให้ใบหน้าโดยรวมดูไม่สดใสไปด้วยครับ
และเนื่องจากลักษณะใต้ตาของแต่ละคนแตกต่างกัน มีโครงสร้างกระดูก ชั้นผิวที่แตกต่างกัน ฟิลเลอร์ที่จะนำมาใช้แก้ไขปัญหาใต้ตาย่อมแตกต่างกันไปด้วยครับ จึงเกิดเป็นคำถามมากมายว่า เราควรใช้ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี แต่ละยี่ห้อมีจุดเด่นอย่างไร หากแยกเป็นแต่ละยี่ห้อแล้ว ใช้ฟิลเลอร์รุ่นไหนสำหรับฉีดใต้ตาดี ราคาเท่าไร ใช้กี่ CC กี่วันเห็นผล อยู่ได้นานไหม หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาต้องดูแลตัวเองอย่างไร หมอมาตอบให้ในบทความนี้ครับ
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี ใช้กี่ CC อยู่ได้กี่เดือน? l หมอ V Square แชร์หมดเปลือก
สารบัญ keyword
- ความแข็ง (Viscoelasticity)
ความแข็งของฟิลเลอร์ วัดได้จากค่าความทนต่อแรงกดในแนวตั้ง ฟิลเลอร์ที่มีค่านี้สูง จะพบว่ามีความแข็งมาก เหมาะกับการฉีดเพื่อปรับยกโครงหน้าในชั้นกระดูก เพราะสามารถใช้เป็นโครงสร้างทดแทนกระดูกที่มีลักษณะแข็งกว่าเนื้อเยื่ออื่นได้ นิยมใช้ในการฉีด คาง จมูก ฉีดเพื่อดึงหน้า ฉีดยกผิวชั้นลึกในชั้นกระดูก
- ความยืดหยุ่น (Plasticity,cohesiveness)
ความยืดหยุ่นของฟิลเลอร์คือความทนต่อแรงบิดในแนวนอน ทนต่อการขยับเมื่อเกิดแรงดึงในแนวนอน ซึ่งเกิดจากการออกแบบลักษณะการ Cross-link ของโมเลกุล HA ในกระบวนผลิต ฟิลเลอร์ที่มีค่านี้สูง จะยืดหยุ่นได้มาก เหมาะกับการฉีดเพื่อเติมเนื้อในบริเวณที่ผิวมีการขยับบ่อย ๆ เช่น ร่องแก้ม มุมปาก แก้มตอบ
- ความกระจายตัว (Tissue Integration)
การกระจายตัวของฟิลเลอร์คือความสามารถที่ HA จะสมานแทรกซึมไปกับเนื้อเยื่อผิว ฟิลเลอร์ที่กระจายตัวได้ดี จะเป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด ทำให้เกิดความเรียบเนียนไม่เป็นก้อน เหมาะกับการฉีดเก็บรายละเอียดที่ผิวชั้นบน ผู้ที่มีผิวบาง
- ค่าความอุ้มน้ำ (Water holding)
การอุ้มน้ำของฟิลเลอร์ คือ ความสามารถในการดึงน้ำเข้าโมเลกุลของฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ที่มีค่านี้สูง จะพบว่าหลังฉีดฟิลเลอร์จะขยายตัวหรือฟูขึ้นได้มากเมื่อดื่มน้ำมาก ๆ แต่ถ้าดื่มน้ำน้อยเกินไปฟิลเลอร์จะยุบตัวลงมาก ฟิลเลอร์กลุ่มนี้จะเหมาะกับการใช้บริเวณร่องลึก ที่ต้องการเพิ่ม Volumn ชั้นผิวมาก ๆ เช่น ร่องแก้ม ขมับ
- จำนวนการเชื่อมพันธะ (Cross-link)
จำนวนการ cross-link ของโมเลกุล HA จะสัมพันธ์กับคุณสมบัติของฟิลเลอร์รุ่นนั้น ๆ ในหลายด้าน ได้แก่ ระยะเวลาที่ฟิลเลอร์จะสลาย ค่าความอุ้มน้ำ ความยืดหยุ่น การกระจายตัว ในฟิลเลอร์ที่มีการ cross-link เยอะ จะทำให้เนื้อฟิลเลอร์อยู่ได้นาน อุ้มน้ำได้น้อยลง แต่จะมีความยืดหยุ่นสูงขึ้น แต่จำนวนพันธะ cross-link ที่มากเกินไป จะส่งผลให้เกิดการแพ้มากขึ้น มีโอกาสแข็งเป็นก้อนได้ครับ
- ขนาดของอนุภาคฟิลเลอร์ (Particle size)
ฟิลเลอร์ที่มีขนาดโมเลกุลใหญ่ จะมีเนื้อฟิลเลอร์ที่มีความแข็งมาก มีการกระจายตัวต่ำ และมีความยืดหยุ่นน้อย แพทย์มักพิจารณาใช้ฟิลเลอร์ที่มีอนุภาคใหญ่ในการฉีดเสริมกระดูก หรือยกผิวหน้าในชั้นลึก ส่วนฟิลเลอร์ที่มีอนุภาคเล็ก จะกระจายตัวได้ดี มีเนื้อละเอียดไม่เป็นก้อน มักใช้ในการเก็บรายละเอียดในผิวชั้นตื้น หรือในคนที่มีผิวบางครับ
ฟิลเลอร์แต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ จะมีเนื้อฟิลเลอร์ คุณสมบัติต่าง ๆ และมีจุดดี จุดเด่นที่แตกต่างกัน ในการเลือกใช้รุ่นฟิลเลอร์สำหรับใต้ตา หมอจะประเมินจากลักษณะใต้ตาของคนไข้แต่ละราย สาเหตุการเกิดร่องใต้ตาลึก ชั้นผิว ความต้องการของคนไข้ด้วยครับว่าจะให้คงผลลัพธ์ได้นานมากน้อยเพียงใด ดังนั้น ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ทุกครั้ง ควรจะเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์ว่าเหมาะกับฟิลเลอร์รุ่นใดครับ
ฟิลเลอร์ที่เหมาะสำหรับฉีดใต้ตา มียี่ห้ออะไรบ้าง ?
ในปัจจุบัน ฟิลเลอร์ใต้ตา มีให้เลือกใช้หลายยี่ห้อ มีทั้งยี่ห้อฝั่งเอเชีย เกาหลี จีน และยี่ห้อฝั่งยุโรปและอเมริกา โดยแต่ละยี่ห้อ จะมีเทคโนโลยีการผลิตที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของแต่ละบริษัทผู้ผลิต ทำให้เนื้อฟิลเลอร์และคุณสมบัติของฟิลเลอร์แต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างกันครับ รายละเอียดและจุดเด่นของฟิลเลอร์ที่นิยมใช้แต่ละยี่ห้อ มีดังนี้
ฟิลเลอร์ Restylane
Restylane ฟิลเลอร์สัญชาติสวีเดน เป็นหนึ่งในยี่ห้อที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะของฟิลเลอร์ Restylane ได้แก่ เทคโนโลยี NASHA technology และ OBT technology ซึ่งทำให้ได้เนื้อฟิลเลอร์และคุณสมบัติที่แตกต่างกัน นำไปใช้ในการฉีดได้หลากหลายบริเวณมากขึ้น
- NASHA Technology (Non Animal Stabilized Hyaluronic Acid) ผลิตโดยใช้การ cross-link HA ตามธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ และเพิ่มการ cross-link แบบสังเคราะห์จำนวนเล็กน้อย เนื้อฟิลเลอร์จะมีความคงตัวสูง ใช้ในการฉีดเสริมทดแทนกระดูก ยกผิวให้ดูกระชับขึ้น เหมาะกับการฉีดใต้ตาชั้นลึก คาง จมูก ร่องลึกต่าง ๆ
ฟิลเลอร์ที่ใช้เทคโนโลยี NASHA ในการผลิต เช่น Restylane perlane lyft, Restylane classic, Restylane vital light
- OBT Technology เป็นเทคโนโลยีการผลิตที่ทางเรสเทอเรนพัฒนาขึ้นต่อจาก NASHA technology ฟิลเลอร์จะมีความยืดหยุ่นและนิ่มมากขึ้น แต่ละรุ่นจะมีปริมาณ croos-linked ของ HA และขนาดโมเลกุลที่แตกต่างกัน เนื้อฟิลเลอร์นิ่มไม่เป็นก้อน เหมาะกับการฉีดเพิ่ม Volume ของใบหน้าบริเวณ Midface, แก้มตอบ, การฉีดเสริมมิติบนใบหน้าสำหรับคนผิวบาง และการฉีดบริเวณที่มีการขยับบ่อย ๆ เช่น ริมฝีปาก, ร่องแก้ม และร่องมุมปากครับ
ฟิลเลอร์ Juvederm
ฟิลเลอร์ Juvederm เป็นฟิลเลอร์สัญชาติอเมริกา ที่ได้รับการยอมรับระดับโลกมาอย่างยาวนาน โดยปัจจุบัน บริษัทผู้ผลิต ได้พัฒนาการผลิตฟิลเลอร์เป็น 2 เทคโนโลยี คือ Hylacross Technology และ Vycross Technology ซึ่งจะเน้นความเรียบเนียน ผสานกับผิวได้ดี เป็นธรรมชาติ
- Hylacross Technology ฟิลเลอร์ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีนี้ จะมีเนื้อฟิลเลอร์ที่มีค่าความอุ้มน้ำสูง เก็บกักน้ำได้ดี ทนต่อการขยับและยืดหยุ่นสูง เหมาะกับการฉีดร่องลึก
ฟิลเลอร์ที่ใช้เทคโนโลยี Hylacross ในการผลิต ได้แก่ Juvederm Ultra plus
- Vycross Technology เนื้อฟิลเลอร์ในกลุ่มนี้จะมีค่าการกระจายตัวสูง ยึดเกาะกับผิวและผสานผิวให้เรียบเนียนได้ดี มีการ cross-link จึงทำให้เกิดความเรียบเนียน ดูเป็นธรรมชาติ และอยู่ได้นานขึ้น
ฟิลเลอร์ที่ใช้เทคโนโลยี Vycross ในการผลิต ได้แก่ Juvederm Volift, Juvederm Volbella, Juverderm Volite, Juvederm Voluma และ Juvederm Volux
ฟิลเลอร์ Belotero
ฟิลเลอร์ Belotero เป็นฟิลเลอร์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ผลิตฟิลเลอร์โดยใช้เทคโนโลยี CPM (Cohesive Polydensified Matrix) Technology เป็นหลักการการ cross-link โมเลกุล HA ขั้นสูง เรียกว่า Dynamic Cross-Lining Technology (DCLT) เป็นการทำให้ HA เกิด double cross-link ส่งผลให้เนื้อฟิลเลอร์มีจุดเด่นในเรื่องความยืดหยุ่นของเนื้อเจล การเกาะกันเป็นเนื้อเดียว ไม่ไหลไม่เป็นก้อน และปั้นทรงสวย ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
ฟิลเลอร์ที่ใช้เทคโนโลยี CPM ในการผลิต ได้แก่ Belotero Intense, Belotero volume, Belotero soft และ Belotero revive
ฟิลเลอร์ Definisse
ฟิลเลอร์ Definisse เป็นฟิลเลอร์จากประเทศอิตาลี ที่ใช้เทคโนโลยี XTR™ Technology (eXcellent Three-Dimensional Reticulation) ในการผลิต ทำให้ Hyaluronic Acid สานกันเป็นร่างแห ช่วยในการยกพยุง และปรับรูปหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ฟิลเลอร์ที่ใช้เทคโนโลยี XTR™ ในการผลิต ได้แก่ Definisse core, Definisse Restore
ฟิลเลอร์ Flore
ฟิลเลอร์ Flore รุ่น Flore Max เป็นฟิลเลอร์แบบ Biphasic Filler ที่ประกอบด้วย Cross-linked และ Non Cross-linked จนออกมาเป็นฟิลเลอร์เนื้อแน่นและเนื้ออ่อนผสมกัน โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ชื่อว่า HCCL™ (Highly Completed Cross-Linking) Technology นอกจากนี้ยังมีขั้นตอนการทำให้ Particle Size ของฟิลเลอร์มีขนาดเท่ากัน ทำให้ฟิลเลอร์ฉีดง่าย ปั้นรูปทรงสวยขึ้น สลายตัวได้ช้า เหมาะกับการฉีดคางและขมับ
นอกจากนี้ ยังมีฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่น ๆ อีกหลายยี่ห้อและหลายรุ่น ที่มีใช้ในวงการเสริมความงามในประเทศไทย ในการเลือกใช้ ควรต้องผ่านการประเมินรูปหน้าและแนะนำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการปรับรูปหน้าเท่านั้น ไม่ควรเลือกจากราคาหรือชื่อยี่ห้อเพียงอย่างเดียวครับ
รุ่นของฟิลเลอร์ Restylane ที่เหมาะสำหรับฉีดใต้ตา
- Restylane Perlane Lyft ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความคงตัวสูง ไม่ฟู และสามารถคงรูปได้ดีที่สุด ใช้เสริมกระดูกใต้ตาที่ยุบตัว อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Restylane Defyne ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง ที่มีเนื้อเจลแข็งปานกลาง มีความยืดหยุ่นและอุ้มน้ำได้ดี เหมาะกับการฉีดใต้ตาชั้นลึกและอยู่ได้นาน อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Restylane Vital Light ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด ซึ่งมีความละเอียดมากที่สุด ใช้สำหรับเคสที่ผิวบาง หรือสำหรับเก็บรายละเอียดในผิวชั้นตื้น อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
- Restylane Classic ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง เนื้อเจลอนุภาคใหญ่ เหมาะสำหรับแก้ปัญหาริ้วรอยระดับปานกลางถึงมาก อยู่ได้นาน 12 เดือน
รุ่นของฟิลเลอร์ Juvederm ที่เหมาะสำหรับฉีดใต้ตา
- Juvederm Volite ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด ใช้เติมใต้ตาชั้นตื้น เหมาะกับคนผิวบางแต่ไม่มากเกินไป อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
- Juvederm Voluma ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง ฟูปานกลาง ยืดหยุ่นสูง อุ้มน้ำและให้ความเป็นธรรมชาติ อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Juvederm Volux ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความยืดหยุ่นและคงตัว สำหรับฉีดเสริมกระดูกใต้ตาชั้นลึก อยู่ได้นาน 18-24 เดือน
ฟิลเลอร์ใต้ตาใช้ได้หลายรุ่น หลายยี่ห้อ แต่ละรุ่นจะมีเนื้อเจลที่แตกต่างกันและอยู่ได้นานด้วยครับ
- Restylane Perlane Lyft อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Restylane Defyne อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Restylane Vital Light อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
- Restylane Classic อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Juvederm Volite อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
- Juvederm Voluma อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Juvederm Volux อยู่ได้นาน 18-24 เดือน
- Belotero Volume อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Belotero Soft อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
นอกจากตัวฟิลเลอร์เองที่ผลิตให้อยู่ได้นานแตกต่างกันแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่มีผลต่อระยะเวลาคงผลลัพธ์ของฟิลเลอร์คือการปฏิบัติตัวของตัวคนไข้หลังฉีด หากจะต้องตากแดดเป็นประจำ เข้าซาวน่า หรือโดนความร้อนบ่อย ๆ ก็อาจเป็นผลทำให้ฟิลเลอร์สลายไวกว่ากำหนดได้ครับ
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรปฏิบัติตามข้อแนะนำของแพทย์ เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงหลังฉีดฟิลเลอร์ และทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นาน ดังนี้
- ไม่ควรแตะ เกา หรือกดนวดในจุดที่ฉีดฟิลเลอร์ และห้ามปรับรูปทรงฟิลเลอร์ด้วยตนเอง
- ไม่ควรประคบเย็นก่อนได้รับการอนุญาตจากแพทย์ หากมีอาการปวดมาก ควรปรึกษาแพทย์หรือประคบเย็นตามแพทย์สั่งเท่านั้น
- สามารถล้างหน้า แต่งหน้าได้ตามปกติ แต่ควรงดทาครีมบริเวณรอยเข็ม 1 คืน
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เข้าซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ๆ หรือกิจกรรมที่ต้องอยู่หน้าเตาเป็นเวลานาน ๆ อย่างน้อย 3 วันหลังทำ
- เว้นจากการนวดหน้า เลเซอร์ หรือหัตถการอื่น ๆ บริเวณใบหน้า เป็นเวลา 14 วัน
- เว้นการเลเซอร์ร้อนลงผิวชั้นลึก RF หรือ Thermage ควรเว้นอย่างน้อย 1 เดือน
- ควรงดสูบบุหรี่ เป็นเวลา 14 วันครับ หากทำไม่ได้จริง ๆ หมอแนะนำให้ควรงดอย่างน้อย 3 วันครับเพราะในบุหรี่มีสารหลายชนิดที่ขยายหลอดเลือด จะทำให้ยุบบวมช้า และผลการรักษาอยู่ได้สั้นลง
วิธีดูฟิลเลอร์แท้ Restylane
- กล่องอยู่ในสภาพดี มีรอยปรุสำหรับเปิดกล่อง และไม่ผ่านการแกะมาก่อน
- มีสติกเกอร์โมโนแกรม GALDERMA เมื่อลอกออกจะเห็นคำว่า “VOID”
- มี QR code หน้ากล่อง สามารถสแกนผ่านแอปพลิเคชัน Eztracker ได้ เพื่อตรวจสอบยืนยันกับทางบริษัท Galderma ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ของแท้ นำเข้ามาอย่างถูกต้อง
- บนกล่องต้องมีฉลากข้อมูลภาษาไทยที่ระบุชัดเจนเกี่ยวกับข้อมูลผลิตภัณฑ์ บริษัทที่นำเข้า เลขทะเบียน อย. การเก็บรักษา และระบุว่าจำหน่ายและใช้เฉพาะสถานบริการที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอยู่เท่านั้น
- เมื่อเปิดกล่อง จะพบเอกสารกำกับภาษาไทยอยู่ภายในกล่อง ตัวยาบรรจุอยู่ในหลอดและมีเข็มอยู่ในแพคเกจแบบ Sterile ไม่มีร่องรอยการเปิดใช้งานมาก่อน
- ตรวจสอบเลข lot. รุ่นที่ผลิต และวันหมดอายุตรงกัน 2 จุดคือ
- เลข lot. ที่ข้างกล่อง
- เลข lot. ที่หลอด
- สามารถสอบถามเลข lot. และคลินิกได้ที่บริษัท Galderma โทร. 02-0231800 ต่อ 402
ตัวอย่างการดูฟิลเลอร์แท้ยี่ห้อ Restylane
วิธีดูฟิลเลอร์แท้ Juvederm
- กล่องอยู่ในสภาพดี ไม่ผ่านการแกะมาก่อน
- บนกล่องต้องมีฉลากข้อมูลภาษาไทยที่ระบุชัดเจนเกี่ยวกับข้อมูลผลิตภัณฑ์ บริษัทที่นำเข้า เลขทะเบียน อย. การเก็บรักษา และระบุว่าจำหน่ายและใช้เฉพาะสถานบริการที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอยู่เท่านั้น
- เมื่อเปิดกล่อง จะพบเอกสารกำกับภาษาไทยอยู่ภายในกล่อง
- 1 กล่อง จะมี 2 cc บรรจุอยู่ในซองแยกกัน ซองละ 1 cc ตัวยาบรรจุอยู่ในหลอดและมีเข็มอยู่ในแพคเกจแบบ Sterile ไม่มีร่องรอยการเปิดใช้งานมาก่อน
- 1 กล่องมี 2 cc และเลข lot ต้องตรงกัน 4 จุด คือ
- เลข lot. ที่สติกเกอร์
- เลข lot. ที่กล่อง
- เลข lot. ที่ซอง
- เลข lot. ที่หลอด
- สามารถโทรเช็กเลข lot. และคลินิกได้ที่บริษัทผู้จัดส่ง Allergan Thailand (DSKH) โทร.02 460 7717
ตัวอย่างการดูฟิลเลอร์แท้ยี่ห้อ Juvederm
วิธีดูฟิลเลอร์แท้ Belotero
- กล่องอยู่ในสภาพดี ไม่ผ่านการแกะมาก่อน
- บนกล่องต้องมีฉลากข้อมูลภาษาไทยที่ระบุชัดเจนเกี่ยวกับข้อมูลผลิตภัณฑ์ บริษัทที่นำเข้า เลขทะเบียน อย. การเก็บรักษา และระบุว่าจำหน่ายและใช้เฉพาะสถานบริการที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอยู่เท่านั้น
- เมื่อเปิดกล่อง จะพบเอกสารกำกับภาษาไทยอยู่ภายในกล่อง
- 1 กล่อง จะมี 2 cc บรรจุอยู่ในซองแยกกัน ซองละ 1 cc ตัวยาบรรจุอยู่ในหลอดและมีเข็มอยู่ในแพคเกจแบบ Sterile ไม่มีร่องรอยการเปิดใช้งานมาก่อน
- 1 กล่องมี 2 cc และเลข lot ต้องตรงกัน 3 จุด คือ
- เลข lot. ที่กล่อง
- เลข lot. ที่สติกเกอร์
- เลข lot. ที่หลอด
- สามารถโทรเช็กเลข lot. และคลินิกได้ที่บริษัทผู้จัดส่ง Merz Aesthetics โทร.02 026 1111
ตัวอย่างการดูฟิลเลอร์แท้ยี่ห้อ Belotero
อันตรายจากการฉีดฟิลเลอรใต้ตาปลอม
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาให้มีความปลอดภัย ได้ผลลัพธ์ที่ดี ควรใช้ฟิลเลอร์ของแท้ ผ่านการรับรองจาก อย. เท่านั้น ไม่ควรเสี่ยงไปใช้ฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์ไม่ทราบที่มาที่ไป ฟิลเลอร์หิ้ว หมอกระเป๋า เพราะอาจเกิดผลข้างเคียง ได้ดังนี้
- เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ เป็นหนอง จากการใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่มีมาตรฐานการผลิตที่ดี จึงเกิดการปนเปื้อนของเชื้อโรค
- ผิวหนังแพ้เป็นผื่นแดง คัน
- เกิดการอุดตันในเส้นเลือด อาจรุนแรงถึงขั้นตาบอด
- เมื่อเวลาผ่านไปซักระยะหนึ่ง ฟิลเลอร์เริ่มเกาะแน่นกับกระดูก จับตัวเป็นก้อน ไหลลง บวม ย้อย ทำให้ใบหน้าเสียรูปทรง ใต้ตาผิดรูป
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี ที่ V Square Clinic ดีอย่างไร ?
ที่ V Square Clinic เน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่ง ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาด้วยฟิลเลอร์แท้ ตรวจสอบได้ทุกกล่อง ยี่ห้อมาตรฐานระดับโลก และมีทีมแพทย์มากประสบการณ์ ตรวจให้คำปรึกษาและประเมินใบหน้าอย่างตรงไปตรงมา ใช้เทคนิคพิเศษเฉพาะของวี สแควร์ แก้ไขปัญหาตรงจุด เหมาะกับปัญหาผิวของแต่ละบุคคล ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามครับ
ราคา โปรโมชั่น ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แต่ละยี่ห้อ ที่ V Square Clinic
ฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาโปรโมชั่นที่ V Square Clinic
Restylane Vital Light (สวีเดน 6-12เดือน) ราคา CC ละ 12,000 บาท
Restylane Perlane Lyft (สวีเดน 12 เดือน) ราคา CC ละ 12,500 บาท
Restylane Defyne (สวีเดน 18 เดือน) ราคา CC ละ 14,000 บาท
Restylane Classic (สวีเดน 12 เดือน) ราคา CC ละ 9,900 บาท
Restylane Vital (สวีเดน 12เดือน) ราคา CC ละ 16,900 บาท
Juvederm Volite (อเมริกา 8-12เดือน) ราคา CC ละ 12,900 บาท
Juvederm Voluma (อเมริกา 18 เดือน) ราคา CC ละ 12,500 บาท
Juvederm Volux (อเมริกา 18-24เดือน) ราคา CC ละ 18,000 บาท
Belotero Volume (สวิตเซอร์แลนด์18 เดือน) ราคา CC ละ 9,900 บาท
Belotero Soft (สวิตเซอร์แลนด์ 6-12 เดือน) ราคา CC ละ 9,900 บาท
Definisse Touch (อิตาลี 8-12 เดือน) ราคา CC ละ = 12,000 บาท
Teoxane RHA 2 (สวิตเซอร์แลนด์ 18 เดือน) ราคา CC ละ 12,900 บาท
สรุป
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี ต้องดูจากโครงสร้างใต้ตาและชั้นผิวของแต่ละบุคคลเป็นหลัก ฟิลเลอร์แต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อ จะมีเนื้อเจล ความคงทน และเหมาะกับปัญหาใต้ตาแต่ละแบบแตกต่างกัน สิ่งสำคัญในการเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ใต้ตา ควรให้แพทย์เป็นผู้ประเมินจะดีที่สุดครับ และควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ของแท้ เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้นครับ
สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง Inbox Facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ