หลังฉีดฟิลเลอร์
หลังฉีดฟิลเลอร์ แล้วอยากให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานทำอย่างไร ? ห้ามทำอะไรบ้าง ?
มี 4 ข้อที่ต้องให้ความสำคัญครับ 1.การเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ที่ปลอดภัย 2.ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่ใช้ว่าเป็นของแท้ 3.ฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ที่มีประสบการณ์ และ 4.การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ของคนไข้ ทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น
ในบทความนี้ หมอจะอธิบายวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ในแต่ละช่วงเวลา แต่ละจุดที่ฉีด และข้อควรระวังต่าง ๆ คนไข้สามารถศึกษาข้อมูล และนำไปปฏิบัติได้เลยครับ
สารบัญ หลังฉีดฟิลเลอร์
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรรู้อะไรบ้าง ?
หมอขอสรุปเรื่องที่ควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ก่อนนะครับ เพราะการเลือกที่ดีจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดี
- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ ดูผลลัพธ์ ผลข้างเคียง ข้อดี-ข้อเสีย
- วิธีเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัย
- การเลือกหมอที่มีประสบการณ์ ตรวจสอบได้ว่าเป็นแพทย์จริง มีใบรับรอง
- วิธีการสังเกตฟิลเลอร์แท้แต่ละยี่ห้อ สามารถเช็กด้วยตัวเองได้ก่อนฉีด
- ดูรีวิวจากแหล่งที่เป็นกลาง น่าเชื่อถือ เพื่อข้อมูลที่ถูกต้อง ตรงไปตรงมา
การเตรียมตัวเพื่อฉีดฟิลเลอร์
- งดยาและวิตามินบางชนิด ก่อนฉีดฟิลเลอร์ เช่น แอสไพริน, NSAIDs, วิตามิน St.John’s wort, Ginkgo Biloba, Primrose Oil, Garlic, Ginseng และ Vitamin E
- งดยาผลัดเซลล์ผิว การดึงหรือโกนขนในบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์
- งดคอร์สเลเซอร์และนวดหน้าอย่างน้อย 3 วันก่อนฉีด
- หากมีโรคประจำตัวหรือยาที่ต้องรับประทานประจำควรแจ้งแพทย์ก่อนทำทุกครั้ง
- ปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อให้ประเมินปัญหาและวิธีแก้ไขที่เหมาะสม
- แพทย์จะพิจารณาให้กินยาห้ามเลือดหรือฉีดยาลดบวมในบางเคส เพื่อลดความเสี่ยงในการบวมช้ำ อักเสบติดเชื้อ
- สามารถแจ้งเพื่อขอแปะยาชาก่อนฉีดฟิลเลอร์ได้ และหมอจะฉีดยาชาในจุดนั้น ๆ ให้ด้วย
ในขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ หลังจากปรึกษาหมอเพื่อให้ประเมินปัญหาที่ต้องการแก้ไข หมอจะมีการแนะนำยี่ห้อฟิลเลอร์และปริมาณที่เหมาะสมให้กับแต่ละเคส ก่อนฉีดคนไข้ต้องทำความสะอาด เช็ดเครื่องสำอางออกจากจุดที่จะฉีด และจะมีการแปะยาชาให้ด้วยครับ
จากนั้นก่อนฉีดหมอจะต้องแกะกล่องฟิลเลอร์ให้ดูต่อหน้า ให้กล่องและหลอดกลับบ้านได้ เพื่อให้คนไข้ตรวจสอบว่าเป็นของแท้ ระหว่างฉีดก็จะมีการประคบน้ำแข็งไปด้วย หลังฉีดฟิลเลอร์เสร็จแล้ว หมอจะแนะนำวิธีดูแลตัวเอง ควรปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่เร็ว และอยู่ได้นานขึ้นครับ
ข้อควรปฏิบัติ และการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์
ข้อควรปฏิบัติและการดูแลหลังการฉีดฟิลเลอร์ ที่หมอจะแนะนำต่อไปนี้ ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ปฏิบัติได้ง่าย ๆ ครับ หากอยากให้การฉีดฟิลเลอร์ได้ผลลัพธ์ที่ดี ดูเป็นธรรมชาติ อยู่ได้นาน แนะนำให้ปฏิบัติดังนี้
- หลีกเลี่ยงการกด บีบ นวด แกะ หรือเกาบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ และพยายามอย่าขยับใบหน้าเยอะในช่วงแรก เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ผิดตำแหน่งได้
- ควรนอนหมอนสูงกว่าระดับหน้าอก และไม่ควรนอนคว่ำ นอนตะแคง ในท่าที่จะทำให้เกิดการกดทับบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์มา
- อยู่แต่ในที่อากาศเย็น หลีกเลี่ยงความร้อนและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง เช่น เข้าซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ๆ ตากแดด อย่างน้อย 48 ชม.หลังทำ
- งดเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิด เช่น RF หรือ Thermage อย่างน้อย 1 เดือนหลังทำ
- งดสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ เพราะทำให้หลอดเลือดขยายตัวและยุบบวมช้า
- ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ วันละ 1.5-2 ลิตร จะทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นาน ฟูสวยได้รูป เพราะฟิลเลอร์เป็นสารที่อุ้มน้ำ
ข้อควรปฏิบัติ และการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ แต่ละจุด
เพื่อให้คนไข้สามารถดูแลตัวเองได้ละเอียดมากขึ้น สำหรับการฉีดฟิลเลอร์แต่ละจุดจะมีข้อควรระวังต่างกันไป ดังนี้ครับ
- ฟิลเลอร์ใต้ตา : ห้ามขยี้ตา กด เกา ในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
- ฟิลเลอร์คาง : หลีกเลี่ยงการเท้าคาง การใส่หมวกกันน็อคที่รัดแน่น
- ฟิลเลอร์ปาก : ไม่ควรดึงหรือลอกหนังริมฝีปาก งดดื่มน้ำร้อน ๆ ใน 12 ชั่วโมงแรก ควรงดใช้หลอดดูดน้ำ งดทาลิปสติกและงดสูบบุหรี่
- ฟิลเลอร์ร่องแก้ม : ห้ามบีบ นวด แกะเกาบริเวณร่องแก้ม หรือขยับใบหน้าเยอะในช่วง 3 วันแรก
- ฟิลเลอร์แก้มส้ม : ระวังการเผลอนอนตะแคง ทำให้เกิดการกดทับใบหน้า
- ฟิลเลอร์จมูก : ห้ามบีบปั้นทรงจมูกเอง และในช่วง 2-3 ชั่วโมงแรกหลังฉีดฟิลเลอร์จมูกไม่ควรนอนราบ
- ฟิลเลอร์ขมับ : ไม่ควรกดนวด เลี่ยงท่านอนที่กดทับบริเวณขมับ เพราะอาจทำให้รู้สึกเจ็บ หรือปวดศีรษะ
- ฟิลเลอร์หน้าผาก : ไม่กดนวดบริเวณหน้าผาก และในช่วง 3-4 ชั่วโมงแรกหลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผากไม่ควรนอนราบ
ข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์
นอกจากการปฏิบัติตัว ยังมีข้อห้ามในเรื่องของอาหารบางประเภทที่ไม่ควรรับประทานในช่วงแรก ๆ อย่างน้อย 48 ชั่วโมง หลังฉีดฟิลเลอร์ครับ เพราะจะส่งผลต่อการบวมและอักเสบ โดยอาหารที่มีข้อแนะนำให้เลี่ยง ได้แก่
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เหล้า เบียร์ ไวน์ น้ำหมัก
- อาหารหมักดอง เพราะมีสารที่ทำให้เส้นเลือดขยายตัว (ทำให้ยุบบวมช้า) เช่น ปลาร้า หน่อไม้ดอง มะม่วงดอง
- อาหารที่เผ็ดมาก ๆ แสบร้อนจนหน้าแดง
- อาหารดิบจากร้านอาหารที่ไม่สะอาด เนื่องจากพยาธิบางชนิดจะทำปฏิกิริยากับฟิลเลอร์แล้วเกิดการอักเสบได้
- อาหารหวานจัด นมวัว จะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ
- อาหารที่อยู่หน้าเตานาน ๆ เช่น หมูกระทะ ปิ้งย่าง ชาบู
ฟิลเลอร์ (Filler) ในทางการแพทย์ จะหมายถึงการฉีดสารเติมเต็ม (Injectable Filler) ทุกชนิดครับ ในต่างประเทศแบ่งออกได้ 4 ประเภท ดังนี้
- HA (Hyaluronic Acid) ปลอดภัย สลายหมด มีการใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก
- Collagen จากสัตว์ ปัจจุบันไม่นิยมใช้เนื่องจากมีอาการแพ้ บวมแดงได้ง่าย
- Transplanted Fat หรือการฉีดไขมัน จะเหมาะกับคนที่ต้องการฉีดครั้งละมาก ๆ 10-20 CC
- Biosynthetic Polymers เป็นกลุ่มของซิลิโคนเหลว ฉีดแล้วไม่สลาย ไม่ปลอดภัยและไม่ผ่าน อย.
โดยองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) ได้อนุมัติว่า Hyaluronic Acid เป็นสารที่มีความปลอดภัย นิยมใช้ในวงการแพทย์และด้านความงามอย่างแพร่หลาย ฉีดแล้วสามารถสลายหมด 100% ไม่มีสารตกค้าง ฉีดใหม่ได้เรื่อย ๆ โดยไม่เป็นอันตราย
ในไทยฟิลเลอร์แท้ Hyaluronic Acid ที่ผ่าน อย. มีหลายยี่ห้อ แพทย์จะประเมินและเลือกใช้ฟิลเลอร์ตัวที่เหมาะกับบริเวณที่คนไข้ต้องการแก้ปัญหา เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามและเป็นธรรมชาติที่สุดครับ
การฉีดฟิลเลอร์ ไม่ใช่หัตถการที่อันตรายหรือมีความเสี่ยงสูงครับ แต่ต้องเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน ใช้ฟิลเลอร์แท้ หมอมีประสบการณ์และใช้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง จึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดี ปลอดภัย และรักษาให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นาน
วิธีการเช็ก ฟิลเลอร์แท้ – ปลอม
เพื่อความปลอดภัย คนไข้ควรศึกษาวิธีดูฟิลเลอร์แท้แต่ละยี่ห้อ ว่ามีจุดสังเกตอะไรบ้าง และมีบริษัทนำเข้ามาอย่างถูกกฎหมายหรือไม่ สังเกตได้จาก
- เลขทะเบียน อย. ที่กล่อง
- มีเอกสารกำกับภาษาไทย
- เลข lot ที่กล่อง ซอง สติกเกอร์หรือหลอด ตรงกัน
- สามารถนำเลข lot โทรเช็คกับบริษัทนำเข้าได้
แต่ละยี่ห้อจะมีจุดสังเกตต่างกันไปเล็กน้อยครับ สามารถดูคลิปที่หมออธิบายเพิ่มเติมได้ด้านล่าง
อาการหลังฉีดฟิลเลอร์
หลังฉีดฟิลเลอร์คนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติครับ ไม่ต้องพักฟื้น อาจมีรอยเข็มในวันแรก แต่หากต้องแต่งหน้าก็สามารถทำได้ โดยเว้นบริเวณรอยเข็มไว้ นอกจากนี้หลายคนมักกังวลเรื่องอาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ จริง ๆ อาการบวมที่ว่าไม่ได้บวมมาก หรือบวมตุ่ยจนสังเกตได้ ไม่ต้องกังวลครับ
ผลข้างเคียงที่อาจพบหลังฉีดฟิลเลอร์
หลังฉีดฟิลเลอร์เสร็จทันที อาจจะมีอาการบวมแดง เขียวช้ำ หรือคันได้ในจุดที่ทำเป็นปกติครับ ให้หลีกเลี่ยงการแตะ การเกา การกดนวดในจุดนั้น ๆ อาการต่าง ๆ จะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน แต่หากหลังจาก 3 วัน อาการดังกล่าวยังเป็นมากขึ้น สามารถติดต่อคลินิกเพื่อรับยาทานเพิ่มได้
ส่วนผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ปลอม ฟิลเลอร์หิ้ว หรือฉีดกับหมอกระเป๋า ได้แก่
- อักเสบ ติดเชื้อ
- เนื้อตาย
- ฟิลเลอร์ไหล
- ฟิลเลอร์เป็นก้อน
- เนื้อบริเวณที่ฉีดผิดรูปทรง
หากเกิดกรณีเหล่านี้จากการฉีดฟิลเลอร์ปลอม ซิลิโคนเหลว การแก้ไขต้องใช้การผ่าตัด/ขูดออกครับ แต่ถ้าใช้ฟิลเลอร์แท้ (HA) แต่ฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ หรือใช้เทคนิคการฉีดไม่ถูกต้อง ทำให้ได้ผลลัพธ์ไม่สวย สามารถฉีดสลายโดยใช้เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) จะทำให้ผิวกลับคืนสู่สภาพเดิมครับ
Q&A หลังฉีดฟิลเลอร์
A : อย่างที่หมอแนะนำไปในข้อก่อนหน้านี้ อาหารบางประเภทจะมีสารที่ส่งผลต่อการอักเสบหรือทำให้อาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์หายช้า ก็จะไม่แนะนำให้รับประทานในช่วงแรก ๆ ครับ แต่หลังจากฟิลเลอร์เข้าที่ (2 สัปดาห์) ก็สามารถกลับมาทานได้ปกติ
A : จริง ๆ ไม่แนะนำครับ เพราะส่งผลเรื่องการอักเสบ บวม แต่ถ้าถามว่ากินแล้วเป็นอันตรายไหม ก็ไม่ได้เป็นอันตรายครับ แนะนำงดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 3 วันจะดีที่สุดครับ
A : ที่ไม่แนะนำให้นอนตะแคง เป็นเรื่องของการกดทับใบหน้า หรือบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ครับ ในวันแรก ๆ ฟิลเลอร์ยังไม่เข้าที่ 100% ถ้าไปกด นวด หรือกดทับมาก ๆ ฟิลเลอร์จะเสียทรงได้ เช่น ฟิลเลอร์คางอาจจะไม่พุ่งเป็นทรงเท่าที่ควร
A : เนื่องจากการออกกำลังกายจะส่งผลต่อการไหลเวียนเลือด ถ้าไปออกกำลังกายทันทีหลังฉีดฟิลเลอร์มา ก็จะทำบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์มาบวมมากขึ้นได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าห้ามออกกำลังกายเลยครับ ช่วงแรก ๆ อาจจะออกแบบเบา ๆ หลังจากฟิลเลอร์เข้าที่ก็ออกกำลังกายได้ตามปกติ
A : จริง ๆ การล้างหน้าด้วยน้ำอุณหภูมิปกติก็เพียงพอครับ ไม่มีความจำเป็นต้องล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน เพราะจะทำให้ผิวแห้ง และเป็นการทำร้ายผิวโดยไม่จำเป็น
A : ทาครีมได้ครับ แต่ในคืนแรกหมอจะขอให้เว้นบริเวณรอยเข็มหลังฉีดฟิลเลอร์ไว้ก่อน พอรอยปิดสนิทก็ทาครีมได้ตามปกติ
สรุป หลังฉีดฟิลเลอร์
การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้ยุ่งยากครับ ใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้เลย หลาย ๆ ข้อที่เป็นข้อห้ามหรือข้อแนะนำให้ระวัง ส่วนใหญ่จะเป็นในช่วงแรก เพื่อไม่ให้มีผลข้างเคียงเรื่องการอักเสบหรือบวมเท่านั้น สิ่งที่ไม่ควรทำหลัก ๆ จะเป็นการที่คนไข้พยายามกด บีบ หรือปั้นทรงที่ฉีดฟิลเลอร์เอง หรือการทำหัตถการบางอย่างเช่นเลเซอร์ ก็จะแนะนำให้งดไปก่อนครับ
หากมีข้อสงสัยอื่น ๆ เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ สามารถปรึกษาหมอได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ
สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง Inbox Facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ