ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี ต้องพิจารณาจากอะไรบ้าง ?
ต้องยอมรับเลยครับว่า หนึ่งในกระแสความงามที่มาแรงในปัจจุบันคือการฉีดฟิลเลอร์ เป็นหัตถการที่สามารถช่วยเติมเต็มร่องรอยริ้วรอยร่องลึกให้เรียบเนียนขึ้น และปรับโครงสร้างใบหน้าได้อย่างเห็นผลทันที
แต่ท่ามกลางคลินิกความงามที่มีให้เลือกมากมาย หากพลาดฉีดฟิลเลอร์กับคลินิกไม่ได้มาตรฐาน จะอันตรายไหม ? แน่นอนครับว่าอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ ดังนั้นการพิจารณาเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์จึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญ
บทความนี้หมอมีข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ เลือกฉีดฟิลเลอร์ ที่ไหนดี ? ต้องพิจารณาเรื่องใดบ้าง ? พร้อมแนะนำคลินิกฉีดฟิลเลอร์ดีที่สุดใน กรุงเทพฯ และปริมณฑล
สารบัญ ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี
ฉีดฟิลเลอร์ เพื่ออะไร ?
เชื่อว่าหลายคนอาจมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ครับว่า ฉีดฟิลเลอร์ช่วยอะไรได้บ้าง ? เราจะฉีดไปเพื่ออะไร ? และทำไมหลายคนถึงเลือกที่จะฉีดฟิลเลอร์ในแก้ไขปัญหาบนใบหน้า หรือปรับรูปหน้า ?
ฟิลเลอร์ เป็นสารเติมเต็มชื่อว่า Hyaluronic Acid (HA) สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ได้รับรองจาก อย.อเมริกา (US FDA) และ อย. ไทย (TH FDA) ว่ามีความปลอดภัย สามารถนำมาฉีดปรับรูปหน้าได้โดยไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย
โดยเหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้หลายคนเลือกที่จะฉีดฟิลเลอร์ เพราะว่าเป็นหัตถการความงามที่สามารถช่วยคืนความอ่อนเยาว์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ปลอดภัย ที่สำคัญเห็นผลเร็ว และไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นครับ
5 ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ ช่วยเรื่องอะไร ?
5 ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง มีดังนี้ครับ
- ช่วยเติมเต็มหรือเสริมในชั้นผิวที่เสื่อมสภาพ
- ช่วยลดริ้วรอย ร่องลึก ให้ใบหน้ากลับมาดูอ่อนเยาว์
- ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว
- ช่วยให้ผิวเต่งตึง ดูเรียบเนียน
- ช่วยปรับรูปหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ฟิลเลอร์ เหมาะกับใคร ?
- ผู้ที่มีริ้วรอยร่องลึกบนใบหน้าจากการหย่อนคล้อยของผิวตามวัย ฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มและลดเลือนริ้วรอย ทำให้ใบหน้าดูกระชับและอ่อนวัยขึ้น
- ผู้ที่มีใบหน้าหย่อนคล้อย ขาดความเต่งตึง การฉีดฟิลเลอร์สามารถช่วยเพิ่มความตึงกระชับให้กับใบหน้าส่วนต่าง ๆ เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้สวยงามและดูสมมาตรมากขึ้น
- ผู้ที่เริ่มมีริ้วรอยและร่องลึกตามวัย ต้องการปรับรูปหน้าแต่ยังไม่อยากผ่าตัดศัลยกรรม
ฉีดฟิลเลอร์ ตำแหน่งไหนได้บ้าง ?
ฟิลเลอร์สามารถนำมาฉีดแก้ปัญหาผิวได้หลายตำแหน่ง ทั้งบริเวณที่มีปัญหาร่องลึก มีริ้วรอย หรือใช้ปรับโครงสร้างใบหน้าให้ได้รูปมากขึ้น โดยตำแหน่งที่นิยมฉีดฟิลเลอร์ มีดังนี้ครับ
- ใต้ตา – เติมเต็มริ้วรอย ร่องลึกใต้ตา แก้ปัญหาถุงใต้ตาหย่อนคล้อย
- หน้าผาก – ปรับหน้าผากให้เป็นทรงสวย มีความเรียบเนียน
- ขมับ – เติมขมับตอบ ขมับยุบให้ดูเต็ม ลดโหนกแก้มเด่น
- แก้มส้ม – เติมเต็มหน้าแก้มส่วนบนให้ยกกระชับ ดูมีมิติมากขึ้น ใบหน้าอิ่มเอิบ
- ร่องแก้ม – เติมริ้วรอยร่องแก้มลึก ให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์
- ปาก – ปรับรูปทรงปาก เพิ่มความอวบอิ่ม แก้ปัญหาปากแห้ง เป็นร่อง
- คาง – เสริมคางให้ใบหน้าเรียวยาวขึ้น แก้ปัญหาคางสั้น คางตัด คางไม่เท่ากัน
ฉีดฟิลเลอร์แต่ละตำแหน่งใช้กี่ CC ? ยี่ห้อไหนดี ?
ฉีดฟิลเลอร์แต่ละตำแหน่งใช้กี่ CC จะขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีดครับ โดยแต่ละคนอาจไม่ต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่เท่ากันเสมอไป หมอจะประเมินตามระดับปัญหา และแนะนำปริมาณที่เหมาะสม
และในปัจจุบัน มีฟิลเลอร์ให้เลือกใช้หลายแบรนด์ครับ โดยแบรนด์ที่เด่น ๆ และได้รับความนิยมในไทยมีทั้งจาก Restylane สวีเดน Juvederm อเมริกา Belotero สวิตเซอร์แลนด์ หรือ Neuramis เกาหลี ซึ่งแต่ละยี่ห้อแต่ละรุ่นก็จะแตกต่างกันออกไปตามเทคโนโลยีการผลิตเฉพาะของแบรนด์นั้น ๆ
หมอมีแนะนำครับว่าฉีดฟิลเลอร์แต่ละตำแหน่ง ใช้กี่ CC ? เหมาะกับฟิลเลอร์รุ่นไหน ยี่ห้อไหนบ้าง ?
- ฟิลเลอร์ใต้ตา
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ถ้าไม่ได้มีปัญหามาก ใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 2-4 CC ก็เห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน แต่ในคนที่มีปัญหากระดูกใต้ตายุบตัวมาก ใต้ตาลึก ก็จะต้องใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณที่มากขึ้นครับ
โดยฟิลเลอร์ที่หมอแนะนำ จะเป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม ฉีดแล้วไม่ฟูมากจนเกินไป มีรุ่น/ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะสม ดังนี้
ฟิลเลอร์เนื้อแน่น – ใช้ฉีดที่ใต้ตาชั้นลึก เพื่อทดแทนการยุบตัวของกระดูก
- Juvederm Voluma อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Juvederm Volux อยู่ได้นาน 18-24 เดือน
- Restylane Defyne อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Restylane Vital อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Restylane Perlane lyft อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Restylane Classic อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Belotero Volume อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Definisse Touch อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
- Teoxane RHA 2 อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Neuramis Volume อยู่ได้นาน 6-9 เดือน
ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด – ฉีดใต้ตาชั้นตื้น เก็บรายละเอียดร่องใต้ตา ช่วยให้ผิวเรียบเนียน
- Juvederm Volite อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
- Restylane Vital Light อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
- Belotero Revive อยู่ได้นาน 6-9 เดือน
- Belotero Soft อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
- Flore AQUA-S อยู่ได้นาน 6 เดือน
- ฟิลเลอร์ร่องแก้ม
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ใช้ประมาณ 2-4 CC ขึ้นอยู่กับระดับความลึกของร่องแก้ม โดยควรเลือกฟิลเลอร์เนื้อค่อนข้างฟู ทำให้เต็มสวย ไม่เป็นก้อน ผิวเรียบเนียน หมอแนะนำดังนี้ครับ
- Juvederm Ultra Plus อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Juvederm Voluma อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Juvederm Volift อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Juvederm Volux อยู่ได้นาน 18-24 เดือน
- Restylane Volyme อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Belotero Intense อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Definisse Restore อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Definisse Touch อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
- Flore AQUA-S อยู่ได้นาน 6 เดือน
- Teoxane RHA 2 อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Teoxane RHA 3 อยู่ได้นาน 12-18 เดือน
- Neuramis Deep Lidocaine 6-8 เดือน
- ฟิลเลอร์คาง
ฉีดฟิลเลอร์คาง ใช้เพียง 1 CC ก็เห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนได้แล้วครับ เหมาะกับคนที่มีรูปคางเดิมอยู่แล้วเล็กน้อย แต่ต้องการเสริมคางให้ดูมีมิติมากขึ้น โดยหลังฉีดจะเห็นได้ทันทีว่าคางยาวขึ้น รูปหน้าดูเรียววีเชฟ
ฟิลเลอร์ที่หมอแนะนำ จะเป็นฟิลเลอร์เนื้อแน่น ไม่ฟูมาก มีความคงตัวสูง จะปั้นทรงคางได้สวย มีรุ่นฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยม มีดังนี้ครับ
- Juvederm Voluma อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Juvederm Volux อยู่ได้นาน 18-24 เดือน
- Restylane Perlane Lyft อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Belotero Intense อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Definisse Core อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Flore Max อยู่ได้นาน 9-12 เดือน
- Teoxane Ultra Deep อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Neuramis Deep Lidocaine อยู่ได้นาน 6-8 เดือน
- ฟิลเลอร์ปาก
ในการปรับทรงปากกระจับ ปากเกาหลี จะใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1-2 CC ครับ แต่ถ้าต้องการเพิ่มวอลลุ่มให้ปากมีความอวบอิ่มมาก ๆ แบบปากสายฝอ ก็จะใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่มากขึ้น
โดยปาก เป็นจุดที่มีการขยับบ่อย รุ่นฟิลเลอร์ที่แนะนำ จะเป็นฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อแรงขยับได้ดี
- Juvederm Ultra Plus อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Juvederm Voluma อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Juvederm Volift อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Juvederm Volite อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
- Restylane Vital Light อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
- Restylane Volyme อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Restylane Refyne อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Restylane Kysse อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Belotero Volume อยู่ได้นาน 12-18 เดือน
- Belotero Revive อยู่ได้นาน 6 เดือน
- Definisse Touch อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
- Teoxane RHA2 อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Teoxane RHA3 อยู่ได้นาน 12-18 เดือน
- ฟิลเลอร์ขมับ
ฉีดฟิลเลอร์ขมับใช้ประมาณ 1-2 CC ขึ้นอยู่กับความลึกของขมับในแต่ละบุคคล หมอจะเลือกใช้เนื้อฟิลเลอร์ที่มีเนื้อฟู ทนต่อแรงขยับได้ดี และอยู่ได้นาน โดยรุ่นและยี่ห้อที่หมอแนะนำ มีดังนี้ครับ
- Juvederm Ultra Plus อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Juvederm Voluma อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Juvederm Volux อยู่ได้นาน 18-24 เดือน
- Restylane Volyme อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Flore Max อยู่ได้นาน 9 -12 เดือน
- Teoxane RHA 2 อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Teoxane RHA 3 อยู่ได้นาน 12-18 เดือน
- Teoxane Ultra Deep อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Neuramis Volume อยู่ได้นาน 6-9 เดือน
- Neuramis Deep Lidocaine อยู่ได้นาน 6-8 เดือน
- ฟิลเลอร์แก้มส้ม
ในการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม หากคนไข้ต้องการเติมแค่บริเวณแก้มส้มอย่างเดียว การใช้ 1-2 CC ก็สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้แล้วครับ โดยควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีความคงตัวสูง ไม่ฟู และสามารถคงรูปได้ดีที่สุด
- Restylane Perlane lyft อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Definisse Core อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Teoxane Ultra Deep อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Neuramis Volume อยู่ได้นาน 6-9 เดือน
- ฟิลเลอร์หน้าผาก
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากใช้ 1 CC สำหรับคนที่ต้องการแก้ไขร่องหน้าผาก แต่ถ้าต้องการเพิ่มความโหนกนูนมาก ๆต้องใช้ปริมาณที่มากขึ้น โดยหมอจะประเมินเป็นรายเคสไปครับ
โดยบริเวณหน้าผากฟิลเลอร์ที่ใช้ควรเป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด ฉีดแล้วจะดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน รุ่นและยี่ห้อฟิลเลอร์ที่นิยมใช้ มีดังนี้
- Juvederm Volbella อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Restylane Vital อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Flore AQUA-S อยู่ได้นาน 6 เดือน
- Teoxane RHA2 อยู่ได้นาน 18 เดือน
เรื่องที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจก่อนเลือก ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี ?
รวมเรื่องที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ กี่วันเห็นผล ? อยู่ได้นานไหม ? และวิธีเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ รวมถึงวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีด เพื่อความปลอดภัย และช่วยเสริมให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้นครับ
ฉีดฟิลเลอร์ แต่ละตำแหน่ง กี่วันเห็นผล ? อยู่ได้นานไหม ?
ฉีดฟิลเลอร์ ไม่ว่าจะตำแหน่งไหน เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำครับ โดยหลังฉีดอาจมีอาการบวมจากตัวยาได้ แต่จะค่อย ๆ หายบวมใน 4-5 วัน และจะเข้าที่ใน 1-2 สัปดาห์
ส่วนผลลัพธ์หลังฉีดจะอยู่ได้นานแค่ไหน ? หากใช้ฟิลเลอร์ของแท้ที่ได้มาตรฐาน เป็นสาร HA ที่สลายเองตามธรรมชาติ โดยทั่วไปเฉลี่ยจะอยู่ได้นานประมาณ 6 – 24 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อฟิลเลอร์ ตำแหน่งที่ฉีด และการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์เป็นสำคัญ
เมื่อฟิลเลอร์เริ่มสลาย สามารถกลับมาฉีดซ้ำได้ตามความเหมาะสม ไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายครับ หากอยู่ในการดูแลของแพทย์
ข้อควรรู้ : หลังฟิลเลอร์สลายหมด จะไม่ทำให้หน้าแก่หรือเหี่ยวกว่าเดิมอย่างที่กังวลกันครับ โดยฟิลเลอร์เป็นสารอุ้มน้ำเมื่อฉีดเข้าไปจะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น คอลลาเจนและอิลาสตินก็จะถูกสร้างเพิ่มขึ้น ช่วยชะลอให้ผิวแก่ช้าลง และดีกว่าตอนที่ยังไม่ได้ฉีด
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์
ขั้นตอนแรก เช็กความพร้อมว่าเราอยู่ในกลุ่มที่ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์หรือไม่
- ผู้ที่มีอาการอักเสบติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์
- ผู้ที่มีประวัติแพ้ฟิลเลอร์
- ผู้ที่มีประวัติแพ้ยาชา (ฟิลเลอร์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันที่ส่วนผสมของยาชาเพื่อช่วยความเจ็บขณะฉีด)
- ผู้ที่มีภาวะเลือดไหลไม่หยุด
- ผู้ที่กำลังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ หรือถ้าหากอยู่ในช่วงให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำครับ
ถ้าพิจารณาแล้วไม่จัดอยู่ในกลุ่มนี้สามารถไปขั้นตอนต่อไปได้เลยครับ
ขั้นตอนที่สอง เตรียมความพร้อมก่อนฉีดฟิลเลอร์ 1 อาทิตย์
- งดทานยาแอสไพริน ยากลุ่ม NSAIDs เช่น ibuprofen diclofenac ponstan
- งดทานวิตามิน St. John’s wort, ginko biloba, primrose oil, garlic, ginseng และ Vitamin E
- งดทายาผลัดเซลล์ผิว เช่น เรตินเอ เรตินอล เรตินอยด์ Glycolic Acid และครีมในกลุ่ม Anti-Aging ทุกชนิด 3 วันก่อนฉีด
- งดการแว็กซ์ผิว ผลัดเซลล์ผิว การดึง หรือโกนขนบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์ 3 วันก่อนฉีด
- งดเข้าคอร์สเลเซอร์ และนวดหน้า 3 วันก่อนฉีด
- งดดื่มแอลกอฮอล์ และงดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด 24 ชม. ก่อนทำ
ขั้นตอนที่สาม วันฉีดฟิลเลอร์ ก่อนฉีด 30 นาที
เมื่อมาถึงคลินิก หมอจะประเมินปัญหา พิจารณาให้ทานยาห้ามเลือด ฉีดยาลดบวมหรือทานยาปฏิชีวนะในบางเคส เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการบวมช้ำ อักเสบติดเชื้อหลังทำ
และหากมีโรคประจำตัว หรือยาที่ต้องรับประทานเป็นประจำ ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำทุกครั้งครับ
หลังฉีดฟิลเลอร์ มีข้อควรรู้ และข้อห้ามอะไรบ้าง ?
หลังฉีดฟิลเลอร์ แนะนำให้ปฏิบัติตามข้อควรทำ และสิ่งที่ควรเลี่ยง ต่อไปนี้ เพื่อช่วยลดอาการบวม และป้องกันอาการอักเสบ เพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่ไวครับ
- แนะนำให้ดื่มน้ำให้เพียงพอ 1.5-2 ลิตรต่อวัน
- ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดหรืออากาศร้อนจัด
- งดการบีบ นวด แกะ เกา บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
- งดออกกำลังกายอย่างหนัก 48 ชั่วโมงแรก แนะนำให้ออกเบา ๆ อย่างเช่น วิ่งช้า โยคะ
โดยหลังฉีดฟิลเลอร์ มีอาหารที่ควรเลี่ยงและแนะนำให้ทานในช่วง 2 อาทิตย์แรก ดังนี้ครับ
✘ เลี่ยงอาหารหมักดอง
✘ เลี่ยงอาหารรสจัด เผ็ดจัด หวานจัด เค็มจัด
✘ เลี่ยงอาหารร้อน ปิ้งย่าง ชาบู หมูกระทะ
✘ เลี่ยงอาหารดิบ อาหารกึ่งดิบกึ่งสุข
✘ เลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
✔ ควรทานผักผลไม้ ที่มีรสเปรี้ยว วิตามินสูง
✔ ควรทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ขาว ธัญพืช
นอกจากนี้ยังสามารถดื่มน้ำผัก ผลไม้ เช่น น้ำฟักทอง น้ำมะพร้าว น้ำใบบัวบก เพื่อช่วยอาการลดบวมให้ยุบลงได้เร็วขึ้น
ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี ? ต้องพิจารณาเรื่องใดบ้าง ?
หลายเคสที่ฉีดฟิลเลอร์แล้วเกิดปัญหา มักเกิดจากการเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานครับ ไม่ได้ตรวจตรวจเช็กให้ดี
ฉีด Filler ที่ไหนดี ? ควรพิจารณาก่อนให้รอบคอบครับ เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อผลลัพธ์และความปลอดภัย
ข้อควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์
คลินิกที่ได้มาตรฐานที่จริงแล้วดูไม่ยาก
- เลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ที่เปิดให้บริการถูกกฎหมาย มีใบอนุญาต 11 หลักที่ได้รับจากกระทรวงสาธารณสุข
- สถานที่ตั้งและสภาพแวดล้อมของคลินิกก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณา โดยควรเลือกคลินิกที่ตั้งอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวก ส่วนภายในคลินิกมีความสะอาด ถูกสุขลักษณะ และมีบรรยากาศที่ดี ไม่แออัด
- ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเตรียมตัวก่อนรักษาและการดูแลหลังการรักษาอย่างละเอียด มีการนัดติดตามผลหลังทำ และมีช่องทางการติดต่อที่สะดวก
- ราคาฉีดฟิลเลอร์มีความสมเหตุสมผล ไม่ควรตัดสินใจจากราคาถูกเพียงอย่างเดียวครับ แต่ควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบกันเพื่อให้ได้คลินิกฉีดฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพที่สุด
ประสบการณ์ของแพทย์ผู้ฉีดฟิลเลอร์เป็นสิ่งสำคัญ
แพทย์ยิ่งมีประสบการณ์มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์ได้มากขึ้นเท่านั้น เพราะจะสามารถประเมินปัญหาได้อย่างแม่นยำ เลือกยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ได้เหมาะสม และมีเทคนิคการฉีดที่ถูกต้องครับ ซึ่งจะช่วยให้ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติครับ
นอกจากนี้ต้องเป็นแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมอย่างถูกต้อง โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อได้ที่ ฐานข้อมูลแพทยสภา
ฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นของแท้ นำเข้าอย่างถูกต้อง
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรศึกษาวิธีดูฟิลเลอร์แท้ และเช็กให้มั่นใจครับว่าฟิลเลอร์ที่จะนำมาฉีดเข้าใบหน้าของเรา เป็นของแท้ที่นำเข้าอย่างถูกต้อง และ ผ่าน อย. ไทย โดยควรให้แพทย์แกะกล่องฟิลเลอร์ให้ดูต่อหน้า และสามารถขอกล่องฟิลเลอร์กลับบ้านได้ ทางคลินิกจะไม่มีการขอเก็บไว้ครับ
บางคนชะล่าใจ ไม่ได้ตรวจสอบก่อน มีโอกาสที่จะเจอฟิลเลอร์หิ้วที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือฟิลเลอร์ปลอมสูงครับ หลังฉีดอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้
มีรีวิวที่น่าเชื่อถือ จากผู้ใช้บริการจริง
รีวิวมีหลายรูปแบบครับ ทั้งรีวิวที่เป็นผลลัพธ์ก่อน-หลังรักษาในแบบรูปภาพ หรือวิดีโอ แนะนำว่าควรดูรีวิวทั้งสองแบบร่วมกันครับเพื่อประกอบการตัดสินใจครับ
ตัวอย่างรีวิวรูปมุมตรง มุมข้างก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์
ตัวอย่างรีวิวฉีดฟิลเลอร์รูปแบบวิดีโอ
และอีกรีวิวอีกรูปแบบคือ รีวิวจากแหล่งที่เป็นกลาง หรือ Feedback ที่คลินิกได้รับจากคนไข้ที่มาใช้บริการ ซึ่งในปัจจุบันหาดูได้ไม่ยากครับอย่างรีวิวใน social media เช่น Facebook TikTok หรือรีวิวใน Goolgle แสดงให้เห็นความพึงพอใจของคนไข้ต่อการใช้บริการ ไปจนถึงความรู้สึกต่อผลลัพธ์ที่ได้ ซึ่งจะช่วยในการตัดสินใจเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ได้ง่ายขึ้น
ตัวอย่างรีวิวฉีดฟิลเลอร์ แถบคำวิจารณ์ในเพจ Facebook
คัดมาแล้ว ! คลินิกฉีดฟิลเลอร์ ดีที่สุดในกรุงเทพ ฯ และปริมณฑล
ฉีดฟิลเลอร์ที่ V Square Clinic เปิดให้บริการ 28 สาขา ทั่วกรุงเทพและปริมณฑล เดินทางสะดวก มีทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะประจำอยู่ทุกสาขา สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาหมอ ประเมินปัญหาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ
ฉีดฟิลเลอร์ที่ V Square Clinic ทั้ง 28 สาขา
1. V Square Clinic สาขาสยามสแควร์วัน
V Square Clinic สาขาสยามสแควร์วัน ชั้น 6 ติด BTS สยาม ทำเลใจกลางเมือง เดินทางง่าย เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 12.00 น. – 20.30 น.
2. V Square Clinic สาขาเกตเวย์ เอกมัย
V Square Clinic สาขาเกตเวย์ เอกมัย ชั้น 1F จากทางเชื่อม BTS เอกมัย ขึ้นบันไดเลื่อน 1 ชั้น คลินิกอยู่ติดกับร้านทำฟัน เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 12.00 น. – 20.30 น.
3. V Square Clinic สาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าว
V Square Clinic สาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าว ตั้งอยู่ใกล้ประตู 3 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว ใกล้ The One Park ฝั่งที่เดินไป MRT พหลโยธิน เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 12.00 น. – 20.30 น.
4. V Square Clinic สาขาเมเจอร์ รัชโยธิน
V Square Clinic สาขาเมเจอร์ รัชโยธิน ตั้งอยู่ชั้น3 ภายในห้างสรรพสินค้าเมเจอร์ รัชโยธิน เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 12.00 น. – 20.30 น.
5. V Square Clinic สาขาฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต
V Square Clinic สาขาฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต คลินิกอยู่ชั้น 1 โซนโรบินสัน ติดกับร้านแว่น และร้าน Samsonite เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 12.00 น. – 20.30 น.
6. V Square Clinic สาขาเซ็นทรัล บางนา
V Square Clinic สาขาเซ็นทรัล บางนา ตั้งอยู่ ชั้น 14 โซนออฟฟิศ อาคารเซ็นทรัลซิตี้ทาวเวอร์ เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 12.00 น. – 20.30 น.
7. V Square Clinic สาขาซีคอน ศรีนครินทร์
V Square Clinic สาขาซีคอน ศรีนครินทร์ ตั้งอยู่ชั้น 3 ภายในศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 12.00 น. – 20.30 น.
8. V Square Clinic สาขาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า
V Square Clinic สาขาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ตั้งอยู่ชั้น 3 หน้าบันไดเลื่อน ติด Vitamin Club เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 12.00 น. – 20.30 น.
9. V Square Clinic สาขาเซ็นทรัล พระราม 2
V Square Clinic สาขาเซ็นทรัล พระราม 2 ตั้งอยู่ชั้น 2 ภายในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล พระราม 2 เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 12.00 น. – 20.30 น.
10. V Square Clinic สาขาเดอะ พรอมานาด
V Square Clinic สาขาเดอะ พรอมานาด ตั้งอยู่ชั้น 4 โซนความงาม ติดบันไดเลื่อน ภายในศูนย์การค้าเดอะ พรอมานาด เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 12.00 น. – 20.30 น.
11. V Square Clinic สาขาเซ็นทรัล อีสวิลล์
V Square Clinic สาขาเซ็นทรัล อีสวิลล์ ตั้งอยู่ชั้น 3 ภายในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล อีสวิลล์ เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 12.00 น. – 20.30 น.
12. V Square Clinic สาขาเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ
V Square Clinic สาขาเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ ตั้งอยู่ชั้น 3 ภายในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 12.00 น. – 20.30 น.
13. V Square Clinic สาขาเดอะมอลล์ บางกะปิ
V Square Clinic สาขาเดอะมอลล์ บางกะปิ ตั้งอยู่ชั้น 1 ติดทางเข้าลานจอดรถ อยู่หน้าบันไดเลื่อน ตรงข้ามไดโซะ เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 12.00 น. – 20.30 น.
14. V Square Clinic สาขาพาซิโอ กาญจนาภิเษก
V Square Clinic สาขาพาซิโอ กาญจนาภิเษก ตั้งอยู่ชั้น 1 โซนร้านอาหาร เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 12.00 น. – 20.30 น.
15. V square clinic สาขาเซ็นทรัล พระราม 3
V Square Clinic สาขาเซ็นทรัล พระราม 3 ตั้งอยู่ชั้น 4 บริเวณโถงลิฟต์แก้ว เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 12.00 น. – 20.30 น.
16. V square clinic สาขาเซ็นทรัล เวสต์เกต
V Square Clinic สาขา เซ็นทรัล เวสต์เกต คลินิกตั้งอยู่ชั้น 2 อยู่ติดกับ Makalin คลินิก เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 12.00 น. – 20.30 น.
17. V square clinic สาขาเดอะมอลล์ บางแค
คลินิกเสริมความงาม V Square Clinic สาขาเดอะมอลล์ บางแค ตั้งอยู่ชั้น 1 หน้าบันไดเลื่อน ใกล้กับน้ำตกกลางห้าง ติดกับร้าน Pen The Style Salon เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 12.00 น. – 20.30 น.
18. V square clinic สาขาเอ็มควอเทียร์
V Square Clinic สาขา เอ็มควอเทียร์ เลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 35 ตรงเข้ามาประมาณ 20 เมตร คลินิกอยู่ซ้ายมือ เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 12.00 น. – 20.30 น.
19. V square clinic สาขาเดอะมอลล์ ท่าพระ
V Square Clinic สาขา เอ็มควอเทียร์ คลินิกตั้งอยู่ที่ชั้น 3 ตรงข้าม BANANA IT เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 12.00 น. – 20.30 น.
20. V square clinic สาขาเทอร์มินอล พระราม 3
V Square Clinic สาขาเทอร์มินอล พระราม 3 ตั้งอยู่ชั้น 3 มาทางโถงใหญ่หน้าห้าง เลี้ยวขวา เดินตรงผ่านบันไดเลื่อน 2 จุด เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 12.00 น. – 20.30 น.
21. V Square Clinic สาขาเซ็นทรัล รามอินทรา
V Square Clinic เซ็นทรัล รามอินทรา ชั้น 3 เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 12.00 น. – 20.30 น.
22. V Square Clinic สาขาเทอร์มินอล อโศก
คลินิกเสริมความงาม V Square Clinic สาขาเทอร์มินอล อโศก ตั้งอยู่ชั้น 6 เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 12.00 น. – 20.30 น.
23. V Square Clinic สาขาเซ็นทรัล ศาลายา
คลินิกเสริมความงาม V Square Clinic สาขาเซ็นทรัล ศาลายา ตั้งอยู่ชั้น 2 โซนพลาซ่า ใกล้กับคาเฟ่อเมซอน ตรงข้ามเยื้อง Supersports เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 12.00 น. – 20.30 น.
24. V Square Clinic สาขาเซ็นทรัล เวสต์วิลล์
คลินิกเสริมความงาม V Square Clinic สาขาเซ็นทรัล เวสต์วิลล์ ตั้งอยู่ชั้น 1 ทางเดินไป watson อยู่ใกล้กับ istudio โซน MHONG FAMILY ติดกับร้าน Minoso เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 12.00 น. – 20.30 น.
25. V square clinic สาขาเซ็นทรัล นครปฐม
คลินิกเสริมความงาม V Square Clinic สาขาเซ็นทรัล นครปฐม ตั้งอยู่ชั้น 2 โซนลานกิจกรรม ติดกับร้านKT OPTIC และ LUX OPTIC เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 12.00 น. – 20.30 น.
26. V square clinic สาขาเซ็นทรัล เมกาบางนา
คลินิกเสริมความงาม V Square Clinic สาขา เมกาบางนา คลินิกตั้งอยู่ ชั้น 1 ตรงข้ามธนาคารกรุงศรี
เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 12.00 น. – 20.30 น.
27. V square clinic สาขาพระราม 9
คลินิกเสริมความงาม V Square Clinic สาขา พระราม 9 คลินิกตั้งอยู่ ชั้น 1 อาคารภคินท์ ตรงข้ามกับ เซ็นทรัล พระราม9
เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 12.00 น. – 20.30 น.
28. V square clinic สาขาเซ็นทรัล มหาชัย
คลินิกเสริมความงาม V Square Clinic สาขาเซ็นทรัล มหาชัย คลินิกตั้งอยู่ ชั้น 2 ข้างร้าน princess nail หน้าบันไดเลื่อน เยื่องๆฝั่งตรงข้ามซุปเปอร์สปอร์ต
เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 12.00 น. – 20.30 น.
ตอกย้ำความมั่นใจ ด้วยรีวิวเคสจริง จาก V Square Clinic
ตัวอย่างรีวิวฉีดฟิลเลอร์ที่ V Square Clinic
ราคา โปรโมชั่นฉีดฟิลเลอร์ที่ V Square Clinic ทั้ง 28 สาขา
โปรโมชั่นฉีดฟิลเลอร์ ราคาแต่ละตำแหน่งที่ V Square Clinic ใช้ฟิลเลอร์แบรนด์แท้ระดับโลก นำเข้าถูกต้อง สามารถตรวจสอบได้
- ราคาฟิลเลอร์ใต้ตา เริ่มต้น 9,900.-/cc
- ราคาฟิลเลอร์ร่องแก้ม เริ่มต้น 6,990.-/cc
- ราคาฟิลเลอร์คาง เริ่มต้น 11,000.-/cc
- ราคาฟิลเลอร์ปาก เริ่มต้น 14,900.-/cc
- ราคาฟิลเลอร์หน้าผาก เริ่มต้น 16,900.-/cc
- ราคาฟิลเลอร์ขมับ เริ่มต้น 6,990.-/cc
- ราคาฟิลเลอร์จมูก เริ่มต้น 16,900.-/cc
สรุป
ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี สิ่งที่ควรพิจารณาหลัก ๆ คือ คลินิกที่ได้มาตรฐาน แพทย์ที่ฉีดฟิลเลอร์มีประสบการณ์ ฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นของแท้ และมีรีวิวที่น่าเชื่อถือ
และที่สำคัญควรศึกษาข้อมูลก่อนฉีด ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมตัว หรือวิธีดูแลตัวเองหลังฉีด รวมถึงวิธีเช็กฟิลเลอร์ของแท้ เพื่อความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่ออกมาคุ้มค่าคุ้มราคาครับ