Radiesse
Radiesse (เรเดียส) คืออะไร ? Radiesse ใช่ Filler หรือไม่ ?
ก่อนอื่นหมออยากให้ทำความเข้าใจก่อนครับ คำว่า Filler จริง ๆ แล้วหมายถึงการฉีดสารเติมเต็มทุกประเภท แต่ในประเทศไทยเวลาพูดถึงฟิลเลอร์ที่เข้าใจกันทั่วไปจะหมายถึง Hyaluronic Acid เท่านั้น แต่ปัจจุบันก็มี Radiesse Filler ที่เป็นสารเติมเต็มเหมือนกัน เพียงแต่จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนเองได้ด้วย (Biostimulators) และส่วนประกอบหลักจะเป็น Calcium Hydroxylapatite (CaHA)
แล้วเรเดียส ช่วยเรื่องอะไร ? เหมาะกับใคร ? การฉีด Radiesse แตกต่างจากการฉีด Skinbooster หรือ
Biostimulators ตัวอื่น ๆ อย่างไร ? กี่วันเห็นผล อยู่ได้นานไหม ? หมอจะมาสรุปให้ครับ รวมถึงข้อดี-ข้อเสีย, ก่อน – หลังฉีด มีข้อควรรู้และการดูแลตัวเองอย่างไร พร้อมแนะนำราคา โปรโมชั่น Radiesse ที่ V Square Clinic
สารบัญ Radiesse Filler
Radiesse Filler (เรเดียส) คือ ?
Radiesse (เรเดียส) คือ สารเติมเต็มประเภทไบโอสติมูเลเตอร์ (Biostimulators) ที่ผลิตจากแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (Calcium Hydroxyapatite) ซึ่งเป็นสารประกอบแคลเซียมฟอสเฟตที่พบได้ตามธรรมชาติในกระดูกและฟัน การฉีดเรเดียสจะช่วยฟื้นฟูการทำงานของเซลล์ Fibroblast และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน type I และ type III ใต้ผิวได้
ถ้าอยากผิวสวย หน้าเด็ก Fibroblast สำคัญยังไง ?
ปกติเส้นใยคอลลาเจนในผิวของเราจะเป็นเส้นใยที่พันกันเป็นกลุ่มก้อนอย่างไร้ระเบียบ ตัว Fibroblast จะทำหน้าที่จัดเรียงและดึงเส้นใยคอลลาเจนเหล่านี้ให้เป็นระเบียบและกระชับเข้าหากัน รวมถึงรักษาโครงสร้างเส้นใยอีลาสตินให้คงรูป ไม่หย่อนคล้อย ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรง ความยืดหยุ่นให้ผิวชั้นหนังแท้
แต่เมื่ออายุมากขึ้น ประสิทธิภาพการทำงานของ Fibroblast จะลดลง ส่งผลให้อีลาสตินกลายเป็นเส้นสั้น ๆ และเส้นใยคอลลาเจนเสื่อมสภาพ กระจัดกระจายขาดระเบียบ ทำให้ผิวหย่อนคล้อย ขาดความยืดหยุ่น
การฉีด Radiesse Filler เข้าไปช่วยฟื้นฟูไฟโบรบลาสต์ จึงทำให้ผิวที่เสื่อมสภาพกลับมาเต่งตึง สดใส มีความยืดหยุ่นมากขึ้นได้จากภายในเลยครับ ถือว่าตอบโจทย์เทรนด์ความงามในปัจจุบันที่เน้นงานผิว เพิ่มความอ่อนเยาว์ และชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคต
Radiesse เป็นฟิลเลอร์ชนิดหนึ่ง หรือไม่ ?
Radiesse เป็นฟิลเลอร์ชนิดหนึ่งครับ แต่แตกต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปตรงที่สามารถกระตุ้นให้เซลล์สร้างคอลาเจนได้ด้วย หรือที่เรียกกันบ่อย ๆ ในวงการความงามว่า “Collagen Biostimulator”
เมื่อฉีดเรเดียส จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนเพิ่มมากขึ้น และช่วยเติมเต็มหรือเพิ่มปริมาตรให้ผิวในจุดที่ต้องการ โดยที่ผลลัพธ์ของการฉีด Radiesse จะมีความยั่งยืนมากกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป เพราะสามารถฟื้นฟูผิวได้แบบองค์รวมมากกว่า
แต่ก็จะไม่ได้ใช้งานเรื่องปรับรูปหน้าเป็นหลัก เพราะไม่สามารถคงรูปได้เท่าฟิลเลอร์เนื้อแน่นที่ออกแบบมาให้ฉีดเสริมจุดต่าง ๆ ของใบหน้าได้ เช่น คาง หน้าผาก ขมับ
ฉีด Radiesse ช่วยเรื่องอะไร ?
จุดเด่นหลักของ Radiesse Filler แบ่งออกเป็น 3 ข้อใหญ่ ๆ ได้แก่
- Healthier ช่วยให้ผิวเฟิร์ม แน่นกระชับ อิ่มฟู เด้ง มีคุณภาพผิวที่ดียิ่งขึ้น
- Younger ช่วยลดริ้วรอย ผิวยกกระชับขึ้น ดูเด็กลงอีกครั้ง
- Longer ยืดอายุผิวให้คุณภาพดีอยู่ได้ยาวนานขึ้น
การทำงานของ Radiesse Filler
เมื่อฉีดเรเดียสเข้าสู่ร่างกาย เม็ดละเอียด ๆ ของ Calcium Hydroxyapatite จะค่อย ๆ เข้าไปทำให้เกิดกระบวนการ “Extracellular Matrix” เรียกรวมตัว Fibroblasts กระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนรอบ ๆ บริเวณที่ฉีด เพิ่มความกระชับ ความเต่งตึง และความยืดหยุ่นให้กับผิวอย่างเป็นธรรมชาติ ช่วยยืดอายุผิวคุณภาพดีให้อยู่ได้ยาวนานถึง 24 เดือน
ดังนั้น Radiesse เหมาะกับใครบ้าง ?
- ผู้ที่มีริ้วรอยและร่องลึกบนใบหน้า เช่น หน้าแก้ม ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก
- ผู้ที่มีใบหน้าหย่อนคล้อย ผิวเหี่ยวย่น กรอบหน้าไม่ชัด ทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์มากขึ้น
- ผู้ที่มีผิวแห้ง รูขุมขนกว้าง ขาดความยืดหยุ่น ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้น
- ผู้ที่ต้องการเพิ่มปริมาณและมิติให้กับบางส่วนของใบหน้า เช่น หน้าแก้ม
การฉีด Radiesse Filler เป็นหัตถการที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ เพราะคุณสมบัติในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนภายในผิวหนัง Radiesse ช่วยฟื้นฟูผิวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ด้วยคอลลาเจนที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนานกว่าฟิลเลอร์ชนิดอื่น (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลร่วมด้วย)
“เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 30 ปี ขึ้นไป
หรือคนที่ต้องการมีผิวเด็ก โดยการเพิ่มคอลลาเจนให้กับผิว”
ความพิเศษของ Radiesse ที่ทำให้โดดเด่นและแตกต่างจากตัวอื่น ๆ
หัตถการที่ Radiesse มักจะถูกนำมาเปรียบเทียบด้วยบ่อย ๆ คือ 1. การฉีดฟิลเลอร์ และ 2. การฉีด Skin Booster ครับ
ถ้าเทียบกับฟิลเลอร์ ข้อดีของเรเดียสอย่างที่หมอบอกไปคือเรื่องฟื้นฟู Fibroblast กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน แต่ถ้าพูดถึงเรื่องการปรับรูปหน้าหรือเติมร่องลึกที่เห็นผลชัดเจน หรือเห็นการเปลี่ยนแปลงทันที ตัวฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid ก็ยังเป็นหัตถการที่ตอบโจทย์มากกว่าครับ
ส่วนข้อแตกต่างระหว่าง Radiesse กับ Skin Booster ยี่ห้ออื่น ๆ คือต่างทั้งในแง่องค์ประกอบ กลไกการทำงาน และวัตถุประสงค์หลักในการใช้งานครับ แม้จุดร่วมจะอยู่ที่การกระตุ้นคอลลาเจน แต่ Radiesse Filler สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ชัดเจนและคงทนในผิวมากกว่าหัตถการในกลุ่ม Skin Booster ที่เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนทั่วไป
ผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีด Radiesse Filler ไม่เพียงแต่เป็นการเติมเต็มร่องริ้วรอยต่าง ๆ เท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผิวพรรณดูสุขภาพดีและเปล่งปลั่งขึ้นอย่างธรรมชาติ นอกจากนี้ CaHA ยังถือเป็นสารที่มีปลอดภัยสูง มีความเสี่ยงต่อการแพ้หรือปฏิกิริยาต่อต้านจากร่างกายน้อยมากด้วยครับ
ข้อควรรู้: ผิวชั้น SMAS (Superficial Musculo Aponeurotic System) คือ ชั้นเนื้อเยื่อสำคัญของกล้ามเนื้อใบหน้า ที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนังและไขมันครับ หากผิวชั้นนี้เสื่อมสภาพลงจะส่งผลให้ใบหน้าเกิดความหย่อนคล้อย และมองเห็นริ้วรอยร่องลึกตามมาได้ ดังนั้นหากเราต้องการยกกระชับผิวให้เห็นผลและมีประสิทธิภาพมากที่สุด จำเป็นต้องทำที่ชั้นนี้ครับ
ก่อนเลือกฉีด Radiesse มีข้อควรรู้และการเตรียมตัวอย่างไร ?
ก่อนฉีด Radiesse Filler คนไข้ควรศึกษาข้อมูลเพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของเรเดียสในเบื้องต้น ดูว่าเหมาะกับปัญหาที่มีไหม หรือควรปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์ ให้ช่วยประเมินให้ครับ
สำหรับการเตรียมตัวก่อนฉีด Radiesse มีข้อควรปฏิบัติดังนี้
- งดยาแก้ปวด ยาต้านการอักเสบ วิตามินอี เกลือแร่ อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง
- งดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงหน้าที่มีสารเคมีรุนแรงอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง
- พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อร่างกายฟื้นตัวได้ดี
- แจ้งประวัติการแพ้ ประวัติโรคประจำตัว และยาที่ใช้อยู่ให้แพทย์ทราบ
- ก่อนฉีดจะมีการทำความสะอาดผิว และลบเครื่องสำอางบริเวณที่จะฉีดให้ครับ
ฉีด Radiesse ตำแหน่งไหนได้บ้าง ? ใช้กี่ CC ?
Radiesse Filler สามารถฉีดเติมเต็มและเพิ่มวอลลุ่มให้บริเวณที่ผิวหนังยุบลงหรือมีรอยบุ๋มได้ โดยจุดที่เหมาะกับการฉีดเรเดียส ได้แก่
- ใบหน้า
- หน้าแก้ม
- ร่องแก้ม
- ร่องน้ำหมาก
- หลังมือ
ฉีด Radiesse ใช้กี่ CC ขึ้นอยู่กับปัญหาและบริเวณที่ฉีดครับ เบื้องต้น 1-3 ครั้ง แต่ละครั้งฉีดห่างกันอย่างน้อย 1 เดือน ถ้าคนที่ไม่ได้มีปัญหาผิวเยอะ ๆ ฉีดเพื่อฟื้นฟูคอลลาเจน ก็จะสามารถเห็นผลได้ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกเลยครับ
Radiesse Filler อันตรายไหม ?
CaHA ที่อยู่ในเรเดียส เป็นสารที่ใช้งานในแวดวงการแพทย์มานานกว่า 25 ปีแล้ว มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยอย่างกว้างขวาง โดยมีผลงานวิจัยได้รับการตีพิมพ์ในวารสารทางวิทยาศาสตร์ถึงกว่า 250 ฉบับ
นอกจากนี้ CaHA ยังได้รับการรับรองและอนุมัติจากองค์การคุ้มครองผู้บริโภคที่สำคัญ อาทิ องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (US FDA) และหน่วยงานกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ในยุโรป (CE Mark) จึงมั่นใจได้ว่ามีความปลอดภัยครับ
ฉีด Radiesse (เรเดียส) กี่วันเห็นผล ? อยู่ได้นานไหม ?
หลังฉีด Radiesse จะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงทันทีจากปริมาตรของตัวยาที่มี CMC เป็นส่วนประกอบ จากนั้นประมาณ 1 เดือน ผลลัพธ์จะค่อย ๆ มากขึ้น เนื่องจากคอลลาเจนที่ผลิตใหม่จะเริ่มทำงาน ผลชัดเจนอยู่ในช่วง 3-6 เดือน แต่ผลของการกระตุ้นการสร้างเซลล์ต่าง ๆ ในชั้นผิวจะอยู่ไปเรื่อย ๆ นานประมาณ 2 ปี
Radiesse Filler รีวิว
ตัวอย่างรีวิว Radiesse Filler ก่อน-หลังทำ จะเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงของผิวอย่างชัดเจน
ข้อควรรู้ ข้อควรปฏิบัติ และข้อห้ามหลังฉีด Radiesse มีอะไรบ้าง ?
- บริเวณที่ฉีดอาจมีอาการบวมเล็กน้อยเป็นปกติ จะหายได้เองใน 72 ชั่วโมง
- หลังฉีด Radiesse ให้หลีกเลี่ยงการจับ ลูบ แตะ บริเวณที่ฉีด
- หากมีรอยแดง รอยช้ำ (เกิดขึ้นได้เป็นปกติ) สามารถประคบเย็น ทายาและรับประทานยาเพื่อลดอาการได้
- งดการแต่งหน้า 12 ชั่วโมง หรือจนรอยเข็มจะหายดี
- หลีกเลี่ยงแสงแดด ความร้อน หรือกิจกรรมที่ต้องออกแรงหนัก ๆ 24 ชั่วโมง
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- หากรู้สึกว่ามีก้อนใต้ผิวหนัง สามารถกดนวดบริเวณก้อนเพื่อลดอาการได้
- งดทำหัตถการที่มีความร้อนสูง เช่น ซาวน่า เลเซอร์
- หากพบความผิดปกติอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์
เปรียบเทียบ Radiesse กับ Fillers / Skinboosters / Biostimulators ตัวอื่น ๆ
สำหรับคนที่ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำหัตถการไหนดี ในกลุ่มที่ช่วยเรื่องการกระตุ้นคอลลาเจนและฟื้นฟูผิว หมอสรุปจุดเด่นของแต่ละยี่ห้อเมื่อเทียบกับ Radiesse ให้ครับ
Sculptra
Sculptra มีสารออกฤทธิ์หลักเป็นกรดโพลีแลกติก (Poly-L-lactic acid : PLLA) ซึ่งมีคุณสมบัติโดดเด่นในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type 1 ทำให้ผิวพรรณแข็งแรงและมีโครงสร้างที่เหนียวแน่นขึ้น ทำให้ผิวแน่นอิ่มฟูขึ้น ริ้วรอยต่าง ๆ ลดลง และช่วยให้ผิวที่เริ่มหย่อนคล้อยดูยกกระชับขึ้น
Gouri
Gouri คือสารกระตุ้นคอลลาเจนซึ่งมี Polycaprolactone (PCL) หรือไหมน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก ให้ผลลัพธ์ในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ช่วยให้ผิวเต่งตึง ลดรอยเหี่ยวย่น และเพิ่มความสามารถในการกักเก็บน้ำ ทำให้ผิวชุ่มชื่น
Exosome
ASCE (Exosome) ประกอบด้วยสารชีวภาพกว่า 1,000 ชนิดที่มีบทบาทสำคัญในการฟื้นบำรุงผิว ลดริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้น (Skin Rejuvenation) ช่วยฟื้นฟูและซ่อมเซลล์ที่เสียหายให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยแก้ปัญหาผิวต่าง ๆ ได้ดี เช่น ริ้วรอยเล็ก ๆ รูขุมขนกว้าง รอยสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ
Belotero Revive
Belotero Revive เป็นฟิลเลอร์ที่ใช้นวัตกรรมใหม่ในการผลิต โดยมีทั้ง HA และ Glycerol เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวจะช่วยปรับปรุงคุณภาพผิวให้ดียิ่งขึ้นถึง 4 มิติ ทำให้ผิวหน้าได้รับการฟื้นฟู เติมเต็มให้อิ่มเอิบ ผิวมีความเรียบเนียน ชุ่มชื้น ฉ่ำวาว พร้อมยกกระชับผิวได้อย่างชัดเจน
Rejuran
Rejuran ผลิตจาก Polynucleotide (PN) บริสุทธิ์ 2% ซึ่งเป็นสารสกัดจาก DNA ของปลาแซลมอน มีคุณสมบัติพิเศษในการฟื้นฟูเซลล์ผิวที่ได้รับความเสียหาย และเร่งกระบวนการผลิตคอลลาเจนใหม่ หลังฉีดช่วยให้ผิวหน้ากลับมาดูอ่อนเยาว์ เรียบเนียน ชุ่มชื้น รูขุมขนเล็กลง และผิวดูฉ่ำวาวเหมือนผิวกระจก
Radiesse ราคา เท่าไร ?
Radiesse ราคาถือว่าค่อนข้างสูงครับ ถ้าเทียบกับฟิลเลอร์ตัวอื่น ๆ แต่ด้วยความเป็น Biostimulators ที่ทั้งช่วยเติมเต็มและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ก็สามารถจบหลาย ๆ ปัญหาผิวหรือช่วยฟื้นฟูสภาพผิวได้ด้วยการทำหัตถการเพียงอย่างเดียว ไม่ต้องทำซ้ำซ้อน และด้วยผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานถึง 2 ปี ก็ทำให้ไม่ต้องเข้าคลินิกบ่อย ๆ ครับ
เลือกฉีด Radiesse Filler ที่ไหนดี ? มีปัจจัยอะไรที่ควรพิจารณาบ้าง ?
เลือกฉีด Radiesse Filler ที่ไหนดี ? สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงคือความปลอดภัยครับ โดยแกนหลัก ๆ จะมี 3 ข้อ ที่ต้องพิจารณา
- คลินิกได้มาตรฐาน เปิดถูกต้อง มีเลขที่ใบอนุญาต 11 หลัก สะอาด ปลอดเชื้อ
- แพทย์ผู้ฉีดมีประสบการณ์ สามารถประเมินปัญหาและแก้ไขอย่างตรงจุด ใช้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง
- ฉีดด้วยตัวยาของแท้ ตรวจสอบกับบริษัทนำเข้าได้ มีการเก็บรักษาอย่างถูกต้อง
ส่วนอื่น ๆ จะเป็นเรื่องของการดูแล การบริการ การให้คำแนะนำต่าง ๆ ของคลินิกเพื่อให้คนไข้สามารถเตรียมตัว หรือดูแลตัวเองได้อย่างเหมาะสมครับ ควรมีการติดตามผลหลังทำหัตถการ และมีช่องทางการติดต่อที่สะดวก หากมีปัญหาหรือข้อสงสัยสามารถคุยกับแพทย์ได้ทันที
ฉีด Radiesse ที่ V Square Clinic ดีอย่างไร ?
- คลินิกเปิดอย่างถูกต้อง สะอาด กว้างขวาง อยู่ในทำเลที่เข้าถึงง่าย เดินทางสะดวก มีสาขาครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล
- รวมทีมแพทย์มากประสบการณ์ ผ่านการเทรนนิ่งทั้งในและนอกประเทศเป็นประจำ มีการอัปเดตความรู้และเทคนิคการฉีดอยู่เสมอ
- มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงที่ประทับใจและบอกต่อเป็นจำนวนมาก
- ไม่มีเซลส์ ทุกเคสที่เข้ามาจะได้ปรึกษากับแพทย์โดยตรงทั้งออฟไลน์และออนไลน์
- มีระบบนัดคิวที่สะดวก สามารถจองผ่านช่องทางออนไลน์หรือโทรนัดได้ทุกสาขา
- มีการติดตามผลหลังฉีดทุกครั้ง พร้อมข้อแนะนำการดูแลตัวเอง
สรุป
Radiesse Filler สามารถแก้ปัญหาผิวได้ทั้งในด้านการเติมเต็มและการกระตุ้นคอลลาเจน เหมาะกับคนที่อยากเห็นผลการเปลี่ยนแปลงเร็ว ๆ และอยู่ได้นาน โดยไม่ต้องทำหัตถการยิบย่อยเยอะ ๆ หรือต้องเข้าคลินิกบ่อย ๆ แต่ทั้งนี้ก็ควรปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อให้ช่วยประเมินปัญหาผิว ว่าเหมาะกับการฉีดเรเดียสหรือไม่ เพื่อผลลัพธ์ที่คุ้มค่าคุ้มราคาที่สุดครับ